วันเสาร์, พฤษภาคม 4, 2024
Google search engine
หน้าแรกสังคมยาย 72 ร่ำไห้วอนขอบัตร ปชช.ใบแรกในชีวิตรับสิทธิรักษาและเบี้ยคนชราก่อนตาย

ยาย 72 ร่ำไห้วอนขอบัตร ปชช.ใบแรกในชีวิตรับสิทธิรักษาและเบี้ยคนชราก่อนตาย

เมื่อบ่ายวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนางสำเนียง ชูรัตน์ อายุ 58 ปี ชาว จ.อุดรธานี หลังได้รับการร้องเรียนว่า ได้เข้าช่วยเหลือหญิงชราวัย 72 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด ออกจากบ้านไปทำงานก่อสร้างตั้งแต่เด็ก ไม่มีบัตรประชาชน ทำให้ไม่ได้รับสวัสดิการของรัฐ ทั้งการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล และเบี้ยยังชีพคนชรา ซึ่งได้พาไปติดต่อขอทำบัตรประชาชนที่ภูมิลำเนา แต่ปรากฏว่าโดนย้ายชื่อเข้าทะเบียนราษฎร์กลาง และเปลี่ยนคำนำหน้าจาก “น.ส.” กลายเป็น “นาย” พี่น้องที่คลานตามกันออกมา ญาติ และผู้ใหญ่บ้าน พร้อมเป็นพยานยืนยัน  โดยเดินทางไปกับผู้ใจบุญรับมาดูแล 3 ครั้ง แต่สุดท้ายปลัดอำเภอเสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด บอกให้รอ ต้องตรวจสอบก่อน ครั้งสุดท้ายเกิดอุบัติเหตุเกือบเอาชีวิตไม่รอด ซึ่งผ่านมา 5 เดือนยังไม่มีความคืบหน้า

นางสำเนียง เล่าว่า  เมื่อปี 2565 ตนเดินทางไปหาเพื่อนที่ อ.ภาชี จ.อยุธยา และพบหญิงชรา ทราบชื่อภายหลังว่านางบุญยัง บุญเรือง หรือยายนาง หรือยายซ่น  อายุ 72 ปี ชาว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด อาศัยอยู่ในกระท่อมตามลำพังข้างบ้านเพื่อน ซึ่งกระท่อมมีลักษณะผุพัง  ฝนตกมาหลังคาจะรั่ว เห็นยายนางจะเอาพลาสติกมาคลุมศีรษะเอาไว้ ตนเห็นแล้วรู้สึกสงสาร จึงได้สอบถามยายนาง ก็เล่าว่าพื้นเพเป็นชาวร้อยเอ็ด ออกจากบ้านมาตั้งแต่เด็กไปทำงานก่อสร้าง ย้ายไปเรื่อยๆ อาศัยอยู่ที่แคมป์คนงาน กระทั่งอายุมากขึ้น ป่วยหลายโรค ทำงานไม่ได้ จึงมาขออาศัยปลูกเพิงพักคนใจดี เมื่อพาไปหาหมอ ปรากฏว่าไม่มีบัตรประชาชน ทำให้เข้าระบบสวัสดิการของรัฐไม่ได้ เจ้าหน้าที่ให้ไปทำบัตรมาก่อน ตนจึงอาสาพายายนางมาทำบัตรประชาชน

นางสำเนียง เล่าต่อว่า ตนได้พายายนางไปหาญาติพี่น้องที่บ้านสะอาดนาดี อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ไปพบกับพี่น้องและญาติ  ซึ่งต่างก็ดีใจที่พี่สาวคนโตยังมีชีวิตอยู่ ตนได้ปล่อยให้ยายนางอยู่กับพี่น้อง ไม่นานยายนางก็โทรกลับมาหาเพื่อนที่ อ.ภาชี  บอกว่าไม่อยากอยู่กับน้องแล้ว จึงเดินทางกลับไปอยู่ที่เดิม กระทั่งเดือนมีนาคม 2566 ตนได้ไปรับยายนางมาอยู่ที่บ้าน เพื่อดำเนินการขอทำบัตรประชาชน ปรากฏว่ามีชื่ออยู่ในทะเบียนกลาง ชื่อ “น.ส.บุญยัง บุญเรือง” กลายเป็นชื่อ “นายบุญยัง บุญเรือง” ซึ่งเป็นทะเบียนราษฎร์แบบเก่า  ผู้ใหญ่บ้านนาโพธิ์ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นบ้านเกิด ก่อนย้ายมา อ.เสลภูมิ  พี่น้องและญาติ ต่างยินดีมาเป็นพยานให้การทำบัตรประชาชนให้ยายนาง

แต่ปลัดอำเภอเสลภูมิบอกว่าต้องรอการสอบสวนก่อน ซึ่งตนได้ขับรถพายายนางไปดำเนินเรื่องขอทำบัตรประชาชน 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566  ได้รับคำตอบจากปลัดอำเภอเสลภูมิเพียง “รอการตรวจสอบก่อน” จึงได้ขับรถพายายนางไปหาเพื่อนที่ อ.ภาชี จ.อยุธยา แต่ระหว่างทางได้เกิดอุบัติเหตุ ฝนตกหนักรถเสียหลักตกร่องกลางถนนพลิกคว่ำหลายตลบ ตนฟกช้ำ แต่ยายนางศีรษะแตก ที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งผ่านมา 5 เดือนแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้า

“ยายนาง หรือ น.ส.บุญยัง บุญเรือง เป็นคนไทยคนหนึ่ง อยากให้มีบัตรประชาชน เพื่อจะใช้สวัสดิการรักษาในโรงพยาบาล และได้เบี้ยผู้สูงอายุ ตนรู้สึกสงสาร จึงได้ช่วยเหลือ อยากฝากถึงปลัดอำเภอ และนายอำเภอเสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ขอให้ช่วยยายนาง หรือ น.ส.บุญยัง บุญเรือง ให้ได้บัตรประชาชน จะได้ไปหาหมอ มียารักษาโรค และเบี้ยยังชีพ ได้เดินทางไปยื่นเอกสารทำบัตร 3 รอบ แทบจะไม่มีเงินเหลือ เพราะเป็นคนหาเช้ากินค่ำ จนเกิดอุบัติเหตุ ขอความกรุณาช่วยเหลือคนไทยด้วยกันให้ได้ใช้สวัสดิการเพราะแก่ชราแล้ว”

ส่วน น.ส.บุญยัง บุญเรือง หรือยายนาง อายุ 72 ปี เล่าว่า ตนเกิดและเรียนหนังสือที่บ้านนาโพธิ์ อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด มีแม่ชื่อแก้ว พ่อชื่อบุญสี ตนมีพี่น้องทั้งหมด 7 คน ตนเป็นพี่คนโต  พอเรียนจบชั้น ป.4 พ่อแม่พาย้ายครอบครัวมาอยู่บ้านสะอาดนาดี อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ครอบครัวยากจน พออายุได้ 13 ปี ตนได้เดินกับชาวบ้านไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ โดยได้ค่าแรงวันละ 12 บาท ตนจะย้ายงานไปเรื่อยๆ โดยอาศัยอยู่ในแคมป์คนงาน พออายุได้ 18 ปี ตนได้เดินทางกลับมาทำบัตรประชาชนที่ อ.เสลภูมิ  ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่แจ้งว่าคนถ่ายรูปไม่อยู่ วันต่อมาเจ้าหน้าที่แจ้งตนว่ากล้องเสีย ตนจึงเดินทางกลับไปทำงาน และไม่กลับมาทำบัตรประชาชนอีกเลย

ตนเดินทางไปทำงานก่อสร้างไปเรื่อยๆ ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคตะวันออก เกาะสมุย อาศัยอยู่แคมป์คนงาน กระทั่งตนอายุ 55 ปี ตนเลื่อนขั้นจากกรรมกรเป็นช่างปูนได้ค่าแรงวันละ 250 บาท ขณะขึ้นนั่งร้านฉาบปูน ตนรู้สึกหน้ามืดวูบตกนั่งร้านได้รับบาดเจ็บ ผู้รับเหมานำส่งโรงพยาบาลพบว่าตนเป็นโรคความดัน ไขมันในเส้นเลือด และโรคกระเพาะ แต่ก็ไม่มีบัตรประชาชนมาแสดง ทำให้เสียสิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรค เจ้าหน้าที่ รพ.ให้ตนกลับไปทำบัตรประชาชน พอป่วยไม่ได้ไปทำงาน ก็ไม่มีเงินมาใช้จ่าย สามีที่อยู่ด้วยกันแต่ไม่มีลูกก็หนีไป ทำให้ตนต้องมาขออาศัยอยู่ที่กระท่อมเพิงพักกับคนใจดี ในอ.ภาชี จ.อยุธยา กระทั่งมาพบกับนางสำเนียง ซึ่งช่วยเป็นธุระพากลับไปหาญาติและทำบัตรประชาชน

แต่กลับพบว่า พ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว ตนและน้องรวม 7 คน ถูกย้ายชื่อไปอยู่ในทะเบียนกลาง บ้านเลขที่  21 หมู่ 5 ต.พรสวรรค์ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด แต่น้องเสียชีวิตไป 2 คน ทำให้เหลือพี่น้องรวมกับตน 5 คน ชื่อของตนมีคำนำหน้าเป็น “นายบุญยัง บุญเรือง” มีเลขบัตรประชาชนเหมือนพี่น้อง แต่จะไม่เหมือนแค่เลขสามตัวท้ายเท่านั้น เมื่อไปยื่นเรื่องขอทำบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่ให้ตนไปหาใบสุทธิจบ ป.4 ที่โรงเรียนบ้านนาโพธิ์ ปรากฏว่าใบสุทธิเปื่อยยุ่ยเสียหายหมดแล้ว โดยมีผู้ใหญ่บ้านนาโพธิ์ทำหนังสือถึงปลัดอำเภอขอให้ตรวจสอบตน เพื่อทำบัตรประชาชน และญาติพี่น้องพร้อมให้ปากคำ หรือตรวจดีเอ็นเอ พิสูจน์การเป็นพี่น้อง และเป็นคนไทย เพื่อจะได้ทำบัตรประชาชน ซึ่งได้รับคำตอบจากปลัดอำเภอเสลภูมิว่ารอตรวจสอบ

“ช่วยเหลือฉันหน่อย ให้ฉันมีบัตรประชาชน เวลาเจ็บป่วยพอได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาล ฉันเป็นคนไทย พ่อแม่เป็นคนไทย เกิดและเติบโตในประเทศไทย ช่วยเหลือหน่อยเถอะ ไปขอทำบัตรประชาชนไม่เคยได้ซักที อยากกลับบ้าน ไปตายอยู่ที่บ้าน” น.ส.บุญยัง หรือยายนาง กล่าวอ้อนวอนทั้งน้ำตา

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Google search engine

Most Popular

Recent Comments