ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2562 เดินทางไปที่สุสานวัดส่งเสริมธรรม บ้านใหม่ศรีวิไล ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ติดตามเหตุคนร้ายทุบสุสานเก็บศพ ขโมยเจาะกะโหลกหน้าผากศพ ด.ช.ศุกลวัฒน์ อยู่ศรีเจริญ หรือน้องเก้า อายุ 6 ปี 9 เดือน เสียชีวิตจากการจมน้ำเมื่อ 26 มกราคม 2562 ได้พบกับหลวงปู่ถนอม กิตติยาโณ เจ้าอาวาส และนางอุไรรัตน์ สวรรณหงส์ อายุ 45 ปี อยู่เลขที่ 58/1 หมู่ 10 บ้านปันน้ำใจ ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง ยายของน้องเก้า
นางอุไรรัตน์ ยาย¬ของน้องเก้า เล่าว่า พ่อแม่น้องเก้าแยกทางกัน พ่อไปมีภรรยาใหม่ แม่ต้องโทษคดียาเสพติด น้องเก้าจมน้ำเสียชีวิต ศพเก็บไว้ในสุสานรอแม่พ้นโทษ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ได้ทำบุญครอบ 100 วันให้ สองวันก่อนเจ้าอาวาสให้ชาวบ้านมาบอก ว่าฝาสุสานน้องเก่าชำรุดให้มาซ่อม แต่เมื่อเตรียมอุปกรณ์มาซ่อมพบว่า กะโหลกที่หน้าผาก ถูกเจาะเอาไปเป็นวงกลม เมื่อไปปรึกษาหลายคนเชื่อว่า เป็นฝีมือของพวกนิยมคุณไสมนต์ดำ จะเอากะโหลกส่วนนั้นไปทำปั้นเหน่ง จึงไปแจ้งความขอให้ตำรวจช่วย ติดตามเอาชิ้นกะโหลกมาคืน เพราะหลานจะได้มีอวัยวะครบ
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.วรณัฎฐ์ ผันผ่อน ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.สรายุทธ ฉ่ำผิว ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมตำรวจสืบสวน ภ.จ.อุดรธานี สภ.ห้วยหลวง และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ไปตรวจที่เกิดเหตุเก็บหลักฐานวัตถุพยาน พร้อมสอบปากคำเจ้าอาวาส และพระสราวุฒิ อัคคธัมโม อายุ 45 ปี พระลูกวัดส่งเสริมธรรม มีกุฏิห่างจากสุสานราว 200 เมตร อีกทั้งตามแขน ขา ลำตัว สักลาย และยังสวมลูกประคำ และเข้าตรวจค้นกุฏิที่อยู่ระหว่างซ่อมแซม
พล.ต.ต.วรณัฎฐ์ ผันผ่อน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บวัตถุพยานหลักฐานได้บางส่วน ทั้งเก็บดีเอ็นเอที่จุดเกิดเหตุ และวัตถุต้องสงสัย ที่มีวัตถุพยานบางชิ้น คาดว่าอาจะเป็นของคนร้าย โดยทาง ผวจ.อุดรธานี และ ผบช.ภ.4 รับรายงานเรื่องนี้แล้ว กำชับให้ติดตามจับกุมตัวคนร้ายให้ได้ คาดว่าน่าจะได้ตัวคนร้ายในเร็ว ๆ นี้
“ การเจาะกะโหลกไปทำปั้นเหน่ง เหมือนเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 ที่มีเหตุลักศพ และเจาะกะโหลกศพ 2 ราย ที่จับกุมคนร้ายได้ เหตุในพื้นที่ อ.กุมภวาปี อ.ประจักษ์ศิลปาคม ผู้ต้องหา 4 ราย และ อ.น้ำโสม ผู้ต้องหา 3 ราย ตอนนี้กำลังตรวจสอบว่าพ้นโทษออกจากเรือนจำหรือยัง แต่คาดว่าน่าจะออกมาแล้ว เพราะคำพิพากษาศาลตัดสินจำคุก 8 เดือน จึงสั่งการให้ตรวจสอบกลุ่มบุคคลเหล่านี้อีกครั้ง ”