วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 2, 2024
Google search engine
หน้าแรกอาชญากรรมสลดหลาน 5 ขวบเฝ้าร่างตานอนอืด 3 วันในบ้านตามลำพัง

สลดหลาน 5 ขวบเฝ้าร่างตานอนอืด 3 วันในบ้านตามลำพัง

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 31 ตุลาคม 2565 พ.ต.ท.สมผล ศรีไสล สว.สอบสวน สภ.หนองแสง ได้รับแจ้งมีชายป่วยเสียชีวิต อยู่ในบ้านสวน ไม่มีเลขที่ บ.โนนเชียงค้ำ ม.2 ต.ทับกุง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งเหตุรุดออกไปตรวจสอบ พร้อมด้วยอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน ,อุดรสว่างเมธาธรรมสถาน จุดบริการ อ.หนองแสง โดยมีนายมงคล ดอนขัน อายุ 53 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านวังทอง ม.14 ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.อุดรธานี นำชี้จุดเกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านกึ่งปูนกึ่งไม้ ชั้นเดียว ไม่มีรั้ว อยู่ท่ามกลางไร่มันสำปะหลังและไร่อ้อย ห่างจากบ้านวังทอง ม.14 ต.หนองไฮ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ที่เกิดเหตุพบศพนายประพันธ์ เพิ่มพูน อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 ม.14 ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.อุดรธานี นอนหงายเปลือยกาย อยู่ที่พื้นข้างแคร่ไม้ที่จัดเป็นที่หลับนอนในตัวโถงบ้าน มีเลือดและน้ำหนองไหลเต็มพื้น ส่งกลิ่นโชยไปทั่วบริเวณ คาดว่าเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน และมีเพียง ด.ช.ก็อต อายุ 5 ปี หลานชายผู้ตาย นั่งเล่นอยู่หน้าบ้านตามประสา เนื้อตัวมอมแมม เสื้อผ้าเปื้อนเลือดและหนอง โดยไม่ทราบว่าผู้เป็นตาได้เสียชีวิตไปแล้ว ก่อนที่อาสากู้ภัยจะนำร่างผู้ตายไปชันสูตรที่ รพ.หนองแสง และให้ญาตินำตัวเด็กไปดูแลก่อนในเบื้องต้น

จากนั้นเวลา 19.30 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดป่าช้าปุญญาวาส บ้านลาดทอง ม.13 ต.หนองไฮ อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพนายประพันธ์ฯ ญาติพี่น้องและผู้นำชุมชน ได้จัดเตรียมพิธีสวดอภิธรรมศพ โดยนายสิทธิพงษ์ เพิ่มพูล อายุ 20 ปี ลูกชายผู้ตาย และเป็นลุงของน้องก็อต ได้พาหลานมากราบศพตา และร่วมรับมอบน้ำดื่ม ข้าวสารอาหารแห้ง จากทางมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน เนื่องจากเป็นครอบครัวยากจนมีรายได้น้อย และญาติลงความเห็นว่าจะทำพิธีฌาปนกิจในวันพุธ ที่ 2 พฤศจิกายนนี้

นางรัชณี คูณเศรษฐ์ อายุ 50 ปี ญาติผู้ตาย เล่าว่า เป็นลูกพี่ลูกน้องกับผู้ตาย เป็นคนพบศพผู้ตายคนแรก ก่อนหน้านี้คนในหมู่บ้านเห็นผู้ตายเข้ามาซื้อของในช่วงบ่ายวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นอีกเลย ผู้ตายมีอาชีพเผาถ่านขาย ผู้ตายพิการเดินไม่สะดวก ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้ายเมื่อหลายปีก่อน บ้านหลังนี้ผู้ตายอยู่กับหลานน้อย 2 คน ซึ่งเป็นลูกของลูกสาว ลูกผู้ตายไปทำงานในเมืองอุดรธานีและ จ.หนองคาย ส่วนภรรยาผู้ตายป่วยเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ปีครึ่ง บ้านผู้ตายเป็นทางผ่านไปวัดป่าภูผาคำพุทธาวาส มีจะพระเดินลงมมาบิณฑบาต มีญาติโยมใช้เส้นทางไปวัดทำบุญ และมีชาวบ้านผ่านไปมาในการเข้าไปทำไร่ทำสวน วันก่อนชาวบ้านที่ผ่านไปมา ก็สังเกตอยู่ว่าทำไมบ้านเงียบ เห็นแต่หลานน้อยวิ่งเล่นอยู่คนเดียว

“ กระทั่งช่วงบ่ายวันนี้ ลูกสาวตนไปเก็บผักแถวนั้น ผ่านบ้านผู้ตายก็มาบอกว่าได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากบ้าน แต่ไม่กล้าเข้าไปดู ตนก็บอกไปว่า 2 ตาหลานอาจจะไม่ค่อยอาบน้ำก็ได้ แต่ประมาณ 15.00 น. จึงตัดสินใจขับรถจักรยานยนต์ออกมาดูที่บ้านผู้ตาย ถามหลานน้อยว่าตาไปไหน หลานก็ไม่ตอบ อาจจะเพราะยังเด็กอยู่มาก จึงพูดโต้ตอบไม่ได้ ตอนนั้นเริ่มได้กลิ่นเหม็นแล้ว ตนจึงร้องถามอีกครั้งหลานน้อยจึงเดินเข้าไปในบ้าน พอตนโผล่หน้าไปในบ้าน ก็เห็นผู้ตายนอนอืดอยู่ที่พื้นแล้ว จึงรีบกลับเข้ามาในหมู่บ้าน แจ้งผู้ใหญ่บ้านให้โทรแจ้งตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว สงสารและเวทนาหลานมาก ที่ต้องอยู่กับศพตานานเกือบ 3 วัน โดยไม่รู้ว่าตาตายไปแล้ว เด็กยังเล่นได้ประสา ไม่ได้บ่นหิวแต่อย่างใด คาดว่าช่วงเช้าที่มีคนผ่านไปวัดทุกเช้า อาจจะแบ่งน้ำและอาหารให้เด็กไว้กิน โชคยังดีที่หลานไม่ได้รับบาดเจ็บหรือมีอาการอิดโรยแต่อย่างใด ”

นายสิทธิพงษ์ฯ หรือเจ ลูกชายผู้ตาย เล่าว่า ครอบครัวมีพี่น้อง 3 คน พี่ชายคนโตเสียชีวิตไปแล้ว ตนเป็นคนที่สอง และมีน้องสาวเป็นคนสุดท้อง ชื่อเล่นอ้อย อายุ 19 ปี และเป็นแม่ของน้องก็อต ตนเองไปทำงานที่ จ.หนองคาย ส่วนน้องสาวทำงานอยู่ในตัวเมืองอุดรธานี ตอนนี้อยู่ระหว่างเดินทางกลับมาที่บ้าน ตนเจอพ่อครั้งสุดท้ายเมื่อ 1 เดือนที่แล้ว พ่อมีโรคประจำตัวป่วยเป็นวัณโรค พ่อเลี้ยงน้องก็อตมาตั้งแต่แบเบาะ พ่อรักหลานคนนี้มาก น้องสาวเลิกกับสามีไปนานแล้ว พ่อน้องก็อตอยู่ จ.บึงกาฬ หลายครั้งที่พ่อน้องก็อตจะขอเอาไปเลี้ยงดู แต่ผู้เป็นตาก็ไม่ยอม ยืนยันจะเลี้ยงหลานเองมาตลอด สงสารหลานมากที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ลางสังหรณ์อะไรก็ไม่มี มีแต่ญาติฝั่งทางพ่อน้องก็อตฝันว่าไฟไหม้บ้านเท่านั้น หลังจากนี้ก็คงจะให้พ่อน้องก็อตเอาไปเลี้ยงดูตามที่เขาต้องการ เสียใจและตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Google search engine

Most Popular

Recent Comments