อุดรฯร้อนจัดลมแดดคร่าชีวิตแล้ว 2 ราย ล่าสุดเฒ่าอัลไซเมอร์หายจากบ้านพบนอนตายกลางทุ่ง ทำให้รอการวินิจฉัยอีก 2 ราย
อุดรธานีกำลัง เผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด ติดต่อกันมาหลายสัปดาห์ ล่าสุดรายงานวันที่ 30 เมษายน 2567 อุดรธานีมีอุณหภูมิ 44.1 องศาเซลเซียส สูงที่สุดในภาคอีสาน ศูนย์สั่งการกู้ชีพ 1669 อุดรธานี รายงานมีผู้ป่วยวูบเป็นลม หลายรายมีโรคประจำตัว และเป็นผู้สูงอายุ ก่อนสรุปรายงานว่ามีคนเสียชีวิตจากโรคลมแดด หรือฮีตสโตรก (Heat stroke) 2 ราย เป็นที่น่ากังวลสำหรับผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง และผู้ป่วยที่สูงอายุ ที่อาจจะได้รับผลกระทบกับสภาพอากาศในช่วงนี้
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 ร.ต.อ.จักรกฤษณ์ ศรีกงพาน รอง สว.(สอบสวน) สภ.กุมภวาปี ได้รับแจ้งออกสอบสวนเหตุ นายลพ ไชยพล อายุ 85 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63 ม.15 ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี นอนเสียชีวิตอยู่กลางทุ่งนา ท้ายหมู่บ้านหนองฮาว ม.6 ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี พร้อมกับแพทย์เวร รพ.กุมภวาปี โดยมีญาติผู้เสียชีวิตและชาวบ้าน มาดูเหตุการณ์และให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ท่ามกลางอุณหภูมิบ่ายวันนั้น 43 องศาเซลเซียส
สอบสวนทราบว่า โดยนายลพฯหายออกจากบ้านพักวานก่อน มีคนเห็นผู้ตายล่าสุดเดินอยู่แถวสวนยางใกล้บ้าน หน่วยกู้ภัยประชาธรรมกุมภวาปี ได้ออกตามหาตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ก็ไม่พบตัว ต่อมาช่วงสายของวันนี้ ญาติและหน่วยกู้ภัยฯ ได้ออกตามหาอีกครั้ง จนพบศพอยู่ในสภาพสวมเสื้อโปโลสีอ่อน ไม่สวมกางเกง สภาพศพตามร่างกายเปื้อนดิน และขี้เถ้าจากการเผาที่นา ร่างกายไม่มีบาดแผล รอบบริเวณไม่ร่องรอยการต่อสู้ ญาติไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต เนื่องจากผู้ตายมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ความดัน และอัลไซเมอร์ คาดว่าโรคประจำตัวกำเริบ หรือเป็นลมแดด จึงมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี
รายงานจาก สนง.สาธารณสุข จ.อุดรธานี ระบุว่า เมื่อวานนี้มีผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดด หรือฮีตสโตรก (Heat stroke) 2 ราย ประกอบด้วย 1.นายสุรพล โนนแพง อายุ 60 ปี ลูกจ้างแขวงการทางที่ 2 หนองหาน เสียชีวิตอยู่ในบ้านพัก จุดสามแยกมีชัย ต.บ้านตาด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี รายนี้มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ความดัน ตรวจสอบในห้องพักพัดลมเสียใช้การไม่ได้ ในห้องไม่มีน้ำดื่ม 2.นายคำพอง เกิดเพชร อายุ 59 ปี ชาว ต.คอนสาย อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี ผู้ป่วยจิตเวช สวมผ้าขาวม้าตัวเดียว ชอบเดินไป-มา ระหว่างถนนบ้านหนองช้างคาว – บ้านทุ่งรื่น ต.คอนสาย ศพนอนคว่ำหน้าหมดอยู่ริมถนน ซึ่งกำลังสอบสวนผู้เสียชีวิตรายอื่นอีก ว่าจะเข้านิยามภาวะโรคลมแดดหรือไม่ มีแนวโน้เข้าข่าย 2 ราย (เคส พระชรา เจ้าอาวาส วัด บ.เก่าน้อย อ.เมือง และ เคส ต.ปะโค อ.กุมภวาปี)
นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ปกติร่างกายของมนุษย์จะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 37.5 องศาเซลเซียส โรคลมแดดเกิดจากอุณหภูมิของร่างกายเกิน 40.5 องศาเซลเซียส ส่งผลต่อ 3 ระบบ คือ ระบบประสาท อาจทำให้หน้ามืด หมดสติ ,ระบบหัวใจ และระบบไต ซึ่งหากอาการรุนแรงอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ รวมถึงความเสี่ยงหากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอื่นด้วย และอาจจะเป็นอันตรายขณะเกิดอาการ เมื่อหมดสติอาจจะล้มไปถูกของแข็งกระแทกศีรษะ โรคลมแดดไม่ได้เกิดขึ้นทันทีที่สัมผัสอากาศร้อน แต่เกิดขึ้นจากการอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน อาจเริ่มมีอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ อ่อนแรงและคลื่นไส้ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ อาจทำให้เกิดอาการผิดปกติ เช่น สับสน พูดไม่ชัดเจน
“ โรคลมแดดควรได้รับการรักษาอย่างเร็วที่สุด นำผู้ป่วยออกจากจุดที่มีความร้อน อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเท ลดอุณหภูมิภายในร่างกายของผู้ป่วย เช่น การใช้น้ำพรมตามร่างกายและใช้พัดระบายอากาศและความร้อน หรือการใช้ถุงน้ำแข็งหรือผ้าชุบน้ำ เช็ดประคบตามรักแร้ คอ หลังและขาหนีบ และไม่ควรดื่มน้ำเย็นทันที ควรดื่มน้ำอุณภูมิปกติ ค่อยๆจิบน้ำ ไม่ควรดื่มน้ำทีละมากๆทีเดียว วิธีปฏิบัติตัว ควรดื่มน้ำไม่ต่ำกว่าวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ สวมใส่เสื้อผ้าที่เบาบางและไม่รัดแน่นจนเกินไป ควรตรวจเช็คอุณหภูมิก่อนออกไปที่โล่งแจ้ง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีแดดจัด ไม่ออกกำลังกายตามลำพัง และควรออกกำลังกายช่วงเช้ามืดหรือช่วงเย็น”