รัก 3 เส้าจบด้วยชีวิต! หนุ่ม 46 หึงอดีตแฟนสาวบอกเลิกไปคบกับหนุ่มใหญ่ 56 เห็นภาพบาดตาซัดลูกปรายเข้าหน้าดับอนาถ
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 17 มีนาคม 2567 ร.ต.อ.ธเนษฐ โชติศิริ รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านดุง รับแจ้งออกไปสอบสวนเหตุมีนายสมพงษ์ ซองทอง อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 195 ม.18 บ้านห้วยปลาโดเหนือ ต.บ้านดุง ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บ้านเลขที่ 35/1 ม.5 บ.ห้วยปลาโด ต.บ้านดุง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี หน่วยกู้ชีพ อบต.บ้านดุง นำตัว รพ.สมเด็จพระยุพราชบ้านดุง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ต่อมาตำรวจชุดสืบสวน รู้ตัวผู้ก่อเหตุชื่อนายคำไพร กุลสกฤษ อายุ 46 ปี อยู่เลขที่ 44 ม.18 บ.ห้วยปลาโดเหนือ ต.บ้านดุง ตามจับกุมได้ที่บ้านพัก และรับสารภาพ อ้างว่าโกรธแค้นที่ผู้ตายมาคบหากับอดีตแฟนสาว เคลียร์ปัญหากันแล้ว แต่ผู้ตายก็ยังไม่ยอมเลิกยุ่ง ซ้ำยังมีการท้าทายตนอีก เมื่อเห็นผู้ตายอยู่กับอดีตแฟน รู้สึกหึงหวงและโมโห จึงกลับบ้านไปเอาปืนมายิง ก่อนนำตัวไปตรวจยึดปืนแก็ปยาวที่ทิ้งไว้ในป่าริมทาง หน้าบ้านที่เกิดเหตุ
ต่อมาเวลา 13.00 น. วันที่ 18 มีนาคม 2567 พ.ต.อ.พงศ์พันธ์ นาขวา ผกก. สภ.บ้านดุง นำตัวนายคำไพรฯผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ชี้จุดใช้ปืนแก็ปยาวยิงผู้ตาย ที่ริมรั้ว ก่อนวิ่งหน้าปากซอยประมาณ 50 เมตร ที่จอดรถจักรยานยนต์ทิ้งไว้ริมถนนบ้านดุง – บ้านม่วง สกลนคร แล้วโยนปืนทิ้งเข้าป่า จากนั้นก็ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับไปที่บ้านพัก หลังทำแผนเสร็จได้แจ้งข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ก่อนนำตัวนายคำไพรฯ ส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ส่วนที่แผนกนิติเวช รพ.ศูนย์อุดรธานี แพทย์เวรระบุว่า ผู้ตายถูกกระสุนลูกปราย 4 เม็ด ที่โหนกแก้วขวา 1 เม็ด หน้าอกซ้าย 1 เม็ด หน้าอกขวา 1 เม็ด และแขนซ้าย 1 เม็ด ต่อมานายคมสันต์ ซองทอง อายุ 36 ปี น.ส.อนงค์ ซองทอง อายุ 31 ลูกชายและลูกสาวผู้ตาย ได้เดินทางมารับศพผู้เป็นพ่อ นำร่างของพ่อไปที่ศาลาพักศพ วัดป่าประชานิมิต ม.5 ต.บ้านดุง สถานที่จัดพิธีสวดอภิธรรมศพนายสมพงษ์ฯ ญาติพี่น้องที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาช่วยงานท่ามกลางโศกเศร้า
น.ส.รัชนีฯ หรือฝน แฟนผู้ตาย เล่าว่า เธอและผู้ตายมาสังสรรค์ที่บ้านเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านญาติเพื่อฉลองหลานชายได้ลูกชาย เพื่อน 4-5 คนได้ผูกแขนแสดงความยินดี นายคำไพรฯ ก็โทรมาหา บอกให้รีบกลับบ้าน ก็บอกไปว่าจะกลับ 4 ทุ่ม แต่นายคำไพรฯ บอกจะมารับกลับ จึงบอกไม่ต้องมา แล้ววางสายไป ไม่นานก็ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ของนายคำไพรฯ ขับวนมา 2 – 3 รอบ
“ ตอนนั้นผู้ตายนั่งอยู่เก้าอี้ข้างๆ ใช้มือซ้ายโอบเก้าอี้ ยื่นมือขวามาจับมือ บอกว่าขอจับมือหน่อย ไม่เคยได้จับมือเลย จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ผู้ตายล้มตะแครงลงจากเก้าอี้บอกว่าถูกยิง เสียใจมากไม่นึกว่าจะเกิดเหตุรุนแรงแบบนี้ ”
น.ส.ฝน เล่าอีกว่า เป็นแม่หม้ายมีลูก 2 คน เคยคบกับนายคำไพรฯ ประมาณ 1 ปี เมื่อ 3 เดือนที่แล้วได้เลิกกัน แต่เขาก็ยังตามง้ออยู่ ส่วนผู้ตายเพิ่งคบหาได้ 2 เดือน ยังไม่อยู่กินกัน ส่วนนายคำไพรฯ เมื่อรู้เรื่องก็ตามมารังควาน โทรมาข่มขู่ เคยมาหาเรื่องพวกตน ผู้ตายก็เป็นห่วงตนเรื่องนี้
น.ส.อนงค์ฯ ลูกสาวผู้ตาย เล่าว่า ตนทำงานอยู่ กทม. ทราบข่าวว่าพ่อเสียตอนตี 2 ตนจึงรีบนั่งรถทัวร์กลับมาทันที พ่อมักเล่าเรื่องราวในชีวิตให้ฟังตลอด พ่อจะคบผู้หญิงคนไหนก็จะบอกทุกครั้ง คนนี้พ่อบอกว่าเพิ่งจะคุยกันได้ไม่นาน ก่อนเกิดเหตุไม่มีลางบอกเหตุอะไร ตนไม่ให้อภัยคนก่อเหตุแน่นอน