เมื่อเวลา 11.59 น. วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ขณะที่ พ.ต.ท.พีระ ราศี สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก รับแจ้งจาก น.ส.อริสรา ภูมี อายุ 39 ปี และน.ส.ประพาพร กุญชนะรงค์ อายุ 24 ปี เจ้าของร้านและหลานสาว ร้านขายของชำ “อายมินิมาร์ท” เลขที่ 500 ม.4 บ.หนองหว้า ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี ว่าเมื่อวานช่วงเช้ามีมิจฉาชีพเป็นชาย 3 คน อายุระหว่าง 40-50 ปี อ้างตัวเป็นเซลล์หรือตัวแทนขายส่งสินค้าในพื้นที่ จ.อุดรธานี ของบริษัทมีชื่อแห่งหนึ่ง โดยมีหลักฐานเป็นบิลเงินสด ใบสั่งของ และภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้าน
โดยคนร้ายขับรถกระบะตู้ทึบ สีขาวหรือสีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดหน้าร้าน แล้วมาหลอกให้เปิดเครดิตกับทางบริษัทดังกล่าว โดยการซื้อสินค้าในราคา 20,953 บาท แต่สินค้ามีมูลค่าประมาณ 3-4 พันบาท เช่นขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มชูกำลัง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และน้ำอัดลม ฯลฯ จึงมาแจ้งความให้ตำรวจช่วยติดตามจับกุมแก๊งมิจฉาชีพรายนี้ หลังจากร้องเรียนกับสื่อมวลชนในพื้นที่ เพื่อเป็นการแจ้งเตือนภัยกับร้านของชำอื่นๆ ที่อาจจะหลงกลตกเป็นเหยื่อเหมือนกับพวกตน
ภาพกล้องวงจรปิดภายในร้าน สามารถบันทึกขณะแก๊งมิจฉาชีพเข้ามาเจรจาหว่านล้อมให้เจ้าของร้านหลงเชื่อ ซื้อสินค้าในราคา 20,953 บาท เพื่อเป็นการเปิดเครดิตกับทางบริษัท โดยคนร้ายทั้ง 3 คน ได้ช่วยกันขนกล่องสินค้าจากรถกระบะตู้ทึบ ลงมาวางไว้ที่พื้นภายในร้าน ก่อนออกบิลเงินสดให้ หลังจากโอนเงิน 20,953 บาท เข้าบัญชีธนาคาร นายวรพงษ์ ประเหน่งเพชร คนร้ายที่ใส่เสื้อเชิตแขนยาวสีขาว โดยมีคนร้ายเป็นชายอีกคนที่สวมเสื้อยืดสีน้ำเงินดำช่วยเจรจา และคนร้ายที่ขับรถไม่ได้เดินผ่านกล้อง แต่ก็ช่วยกันขนสินค้าลงจากรถ และเขียนบิลสั่งรายการสินค้าของบริษัทขายส่งดังกล่าวให้ทางเจ้าของร้าน และจะดำเนินการนำสินค้าที่สั่งมาส่งในช่วงบ่าย ก่อนขับรถหลบหนีไปทางเข้าหมู่บ้าน
น.ส.อริสรา เล่าว่า ครอบครัวเปิดร้านชำช่วยกันดูได้ประมาณ 8 ปี เปิดร้านตั้งแต่ 07.00 – 21.00 น. ปกติจะไปซื้อของเข้าร้านเองตลอด น้อยครั้งจะติดต่อเซลที่มาเสนอขายที่ร้าน วันเกิดเหตุกลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาที่ร้านประมาณ 07.30 น. อ้างว่าเป็นเซลของร้านค้าส่งมีชื่อใน จ.อุดรธานี มีสินค้าเบ็ดเตล็ด รวมทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาเสนอขาย อ้างว่าราคาถูกและบริการส่งถึงร้านตามออเดอร์ แต่ต้องเปิดบิลครั้งละไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท ตนเห็นว่าราคาไม่ต่างกันมาก มีบริการส่งของถึงร้าน จะเป็นการลดต้นทุน ลดระยะเวลาในการซื้อของเข้าร้าน ด้วยความที่รีบร้อนไปธุระที่โรงพยาบาล จึงหลงเชื่อตัดสินใจเปิดบิลสั่งซื้อล็อตแรก โอนจ่ายไปยังบัญชีอีวอลเลทชื่อนายวรพงษ์ ประเหน่งเพชร
“ช่วงที่คนร้ายเข้ามาในร้าน เข้าพยายามเบี่ยงเบนความสนใจเรา คนร้ายที่ขนของลงที่ร้าน ก็พยายามรีบขนสินค้าลง วางซ้อนกันให้ดูว่ามีสินค้าเยอะ เมื่อเราจะเดินไปดูสินค้า อีกคนก็จะพยายามพูดคุยด้วย ชักชวนพูดถึงเรื่องการขยายร้าน การจัดร้าน ทำให้ไม่มีเวลาไปตรวจดูสินค้า คนร้ายใช้เวลาประมาณ 30 นาที ในการพูดคุยหว่านล้อม เมื่อตนโอนเงินแล้ว เขาได้ให้บิลเงินสดไว้ 1 ฉบับ และให้ใบออเดอร์ของไว้ พร้อมกับแลกไอดีไลน์กันไว้ และอ้างว่าช่วงบ่ายจะกลับมาส่งสินค้าเพิ่มให้อีก ซึ่งเป็นประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังจากนั้นพวกตนก็ออกไปทำธุระ”
น.ส.อริสรา เล่าอีกว่า ประมาณ 14.00 น. ตนได้กลับมาเช็คของที่ร้าน พร้อมกับพยายามโทรศัพท์ติดต่อให้เขาเร่งมาส่งของให้เพิ่มเติม ระหว่างนั้นถ่ายรูปใบออเดอร์ของส่งไลน์เพื่อสั่งของล็อตที่ 2 อีก แต่เขาก็ไม่อ่านไลน์ ไม่ตอบไลน์ โทรไปหาอีก 4 – 5 สายก็ไม่รับ จนแน่ใจว่าถูกโกงถูกหลอกแล้วแน่นอน จึงใจมาแจ้งความ และจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด ฝากเตือนร้านค้าอื่นๆ ว่าให้ตรวจเช็คสินค้าก่อนชำระเงินจากเซลขายของ เซลที่ดีก็มี แต่ขอให้เป็นเหตุการณ์เตือนภัย ไม่อยากให้คนร้ายกลุ่มนี้ไปหลอกลวงคนอื่นอีก ขายของก็ยาก กำไรก็น้อย ยังมาโดนหลอกแบบนี้อีก มันเสียสมดุลการค้า เพราะต้องลงทุนทุกวัน ต่อไปจะซื้อสินค้ามาขายเอง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ