เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ที่ห้องสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ร.ต.อ.บรรเทิง ทัพโยทา และ ร.ต.อ.ธันฐกรณ์ นาสมพันธุ์ รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมด้วยตำรวจสืบสวน ร่วมกันจับกุมตัว นายพลชัย ปิตตาระพา หรือเบิ้ม อายุ 49 ปี บ้านเลขที่ 729 ม.7 ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี กล่าวหาลักทรัพย์ (กกน.)ในเวลากลางคืน พร้อมของกลาง เสื้อยืดคอโปโลแขนสั้นสีกรมท่า และกางเกงขาสามส่วนลายพราง ที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ โดยกล้องวงจรปิดของร้านสะดวกซัก สามารถบันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจน และสามารถจับกุมตัวได้พร้อมของกลางที่ห้องเช่าหลังสถานีขนส่งแห่งที่ 1 ห่างจากจุดเกิดเหตุ ประมาณ 1 กิโลเมตร ส่วนรถสามล้อเครื่องที่ขับมาก่อเหตุ คนร้ายได้นำไปขายคืนไฟล์แนนท์ เนื่องจากส่งค่างวดไม่ไหว
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบโจรโรคจิตขับสามล้อเครื่องมาจอดหน้าร้านสะดวกซัก ภายในซอยทองคำอุทิศ หรือซอยกะเทย ถ.ทหาร เขตเทศบาลนครอุดรธานี เวลา 19.10 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ก่อนเข้าไปขโมยกางเกงในหญิงสาวในเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญรวม 5 ตัว ประมาณ 1 ชั่วโมง ได้ย้อนกลับนำกางเกงในมาคืนในเครื่องซักผ้าร้านดังกล่าว แต่กางเกงในทุกตัวถูกเจาะรูตรงกลางเป้า
คาดว่าคนร้ายคงลักเอาไปสำเร็จความใคร่ หลังเกิดเหตุ 2 วัน ผู้เสียหายได้มาขอดูกล้องวงจรปิด นำคลิปภาพและกางเกงในไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองอุดรธานี หลังจากจับตัวคนร้ายได้ น.ส.วราพร อายุ 25 ปี ผู้เสียหาย และน.ส.ภัทราวดี ชมพูศรี อายุ 33 ปี เจ้าของร้านสะดวกซัก ได้มาดูตัวคนร้าย เมื่อคนร้ายเห็นได้ยกมือไหว้ขอโทษ ซึ่งผู้เสียหายก็ให้อภัย พร้อมกับบอกว่าอย่าทำอย่างนี้อีก ซึ่งคนร้ายก็ให้สัญญา แต่ในทางคดีก็ว่ากันไปตามกฎหมาย
ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ลงพื้นที่สืบสวนหาตัวคนร้าย และตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ คนร้ายหลบหนีและเข้ามาก่อเหตุ พบโจรโรคจิตจอดรถสามล้อเครื่องใน ซ.โรงแรมพาราไดซ์ ลงจากรถเดินมาเลือกกางเกงในที่ขโมยมา 5 ตัว พร้อมกับสูดดม จากนั้นได้หยิบเอากางเกงในใส่กระเป๋ากางเกง แล้วขับสามล้อเครื่องไปปากทาง ถ.โพศรี แล้วเลี้ยวขวาไปสำเร็จความใคร่ในห้องน้ำปั๊มน้ำมันมีชื่อแห่งหนึ่ง ที่อยู่ห่างจุดเกิดเหตุ รวม 500 เมตร
นายพลชัย หรือเบิ้ม ให้การรับสารภาพว่า เมื่อกลางปี 2563 ตนทำงานเป็นกรรมกรขนสินค้าในตลาดไทยอีสาน และเคยติดคุกในข้อหาลักทรัพย์ โดยลักกางเกงในหญิงสาว 2 ตัว ในร้านซักผ้าหยอดเหรียญ ภายใน ซ.จินตคาม นำไปเจาะรูสำเร็จความใคร่ ติดคุก 8 เดือน เมื่อพ้นโทษออกมาก็มาก่อเหตุซ้ำ เนื่องจากไม่สามารถหลับนอนกับภรรยาได้ เพราะภรรยาป่วย ส่วนตนมีความต้องการทางเพศสูง จึงตัดสินใจก่อเหตุแบบเดิมอีก ตนไม่ได้เลือกเหยื่อ แต่เมื่อใดที่เกิดอารมณ์ทางเพศและสบโอกาส ในขณะไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ ตอนอยู่ในเรือนจำหมอบอกว่าตนเป็นโรคจิตอ่อนๆ พ้นโทษออกมาไม่ได้รักษาอาการต่อเนื่อง อยากขอโทษผู้เสียหาย และเจ้าของร้านซักผ้า ในสิ่งที่ตนกระทำลงไปเพราะขาดสติ
“ หลังจากขโมยกางเกงในมาได้ 5 ตัว ตนก็จอดรถสามล้อเครื่อง นำกางเกงในยัดใส่กระเป๋ากางเกง หลังจากนำขึ้นมาเลือกและสูดดม จากนั้นได้ขับสามล้องเครื่องไปสำเร็จความใคร่ในห้องน้ำปั้มน้ำมัน (บางจาก) โดยใช้นิ้วชี้เจาะเป้ากางเกงให้เป็นรูทุกตัว จากนั้นได้ใช้อวัยวะเพศสอดใส่เพื่อสำเร็จความใคร ก่อนขับรถสามล้อเครื่องนำกางเกงไปคืนที่ร้านซักผ้า ทำไปแบบไม่รู้ตัว รู้เพียงว่าต้องการทางเพศจนหน้ามืดไม่รู้ผิดชอบชั่วดี และขอสัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนี้อีก เพราะเคยสัญญากับลูกสาวไว้ในครั้งแรก หากตนทำครั้งที่สามซ้ำอีก ตนจะขอผูกคอตายในห้องควบคุม หรือห้องขังหลังจากถูกตำรวจจับตัวได้”
น.ส.วราพร อินทรสิทธิ์ อายุ 25 ปี ผู้เสียหาย และน.ส.ภัทราวดี ชมพูศรี หรือปอ อายุ 33 ปี เจ้าของร้านสะดวกซัก เปิดเผยว่า ขอขอบคุณตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ที่สามารถจับคนร้ายได้ เพราะหลังเกิดเหตุต้องคอยระวัง เพราะกลัวคนร้ายมาก่อเหตุซ้ำ หญิงสาวพากันหวาดระแวงและหวาดกลัวกันทั้งซอย เมื่อตำรวจจับคนร้ายได้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก และหวังว่าคนร้ายจะสำนึกผิดจริง และไม่ทำอย่างนี้อีก และสงสารภรรยาคนร้ายที่กำลังป่วย สามีต้องมาติดคุก พวกตนสงสารภรรยา แต่ไม่สงสารคนร้ายซึ่งเป็นสามี ให้เขารับโทษตามกฎหมายต่อไป