อดีตรองนายก ทต.และอดีตกำนัน นำชาวบ้านร้องพ่อเมืองอุดรฯ “หนองวัวซอโมเดล”ให้ชาวบ้านเช่าที่ดินตัวเอง แถมค่าธรรมเนียม-ค่าเช่าสูงลิ่ว ขณะ ผญบ.ในพื้นที่ยันชาวบ้านรู้ว่าต้องเช่า แต่ไม่รู้มีค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก ทำชาวบ้านยังไม่จ่ายเงินทำสัญญา ด้านธนารักษ์จังหวัดชี้แจง มั่นใจชาวบ้านได้ประโยชน์ 2 มิติ เป็นการสมัครใจไม่ได้บังคับ ใครมีเอกสารสิทธิยื่นที่ดินพิสูจน์ได้
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ที่หน้าศาลากลาง จ.อุดรธานี นายเปลี่ยน สีนากรุง อายุ 62 ปี อดีตรองนายก ทต.หนองวัวซอ นายสมเพียร จุลม่วง อายุ 62 ปี อดีตกำนัน ต.หนองวัวซอ นำราษฎรกว่า 60 คน จาก ต.หมากหญ้า ต.หนองบัวบาน และ ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ ยื่นหนังสือร้องเรียนขอให้มีการพิสูจน์สิทธิในที่ดินทำกิน กรณีได้รับผลกระทบจากโครงการเร่งด่วนของรัฐ “หนองวัวซอโมเดล” ต่อนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี โดยมีนายนราวิชญ์ พรมดี นิติกร ศูนย์ดำรงธรรมอุดรธานีมารับหนังสือ
หนังสื่อร้องเรียนมีรายชื่อราษฎรแนบท้าย 109 คน ระบุว่า โครงการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ในการบริหารจัดการที่ดินของกองทัพบก “หนองวัวซอโมเดล” ต.หมากหญ้า ต.หนองบัวบาน และ ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ซึ่งจากแผนบริหารจัดการของราชพัสดุ 5 ขั้นตอน ไม่มีกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์ที่ดินให้กับประชาชน แต่กลับสอบสวนสิทธิเพื่อเร่งรัดให้สำเร็จตามนโยบาย โดยไม่ได้ให้ความเป็นธรรมกับประชนชน ส่งผลให้ประชาชนต้องเช่าที่ดินของตนเองจากธนารักษ์ จึงเรียนมายังท่านฯให้ดำเนินการพิสูจน์สิทธิ ในที่ดินทำกินที่ประชาชนครอบครองอยู่ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการมีประชาชนมีส่วนร่วม ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 15 วัน
นางประสิทธิ จันมาลา อายุ 53 ปี ราษฎร บ.หนองแวงยาว ม.8 ต.หนองวัวซอ เปิดเผยว่า ได้รับมรดกที่ดินนาและไร่ จากนางบุญมา ดีเลิศ แม่ที่ถึงแก่กรรมไปนานแล้ว เป็นเอกสาร นส.3 หนังสือรับรองการทำประโยชน์รวม 17 ไร่ ญาติพี่น้อง 7 คนก็เอามาแบ่งกัน อยู่และทำกินมามานานมากแล้ว แต่เมื่อไปแจ้งของแบ่งเป็นเอกสาร อำเภอปฏิเสธจะทำเอกสารให้ใหม่ มีเพียงเขียนรายชื่อทุกคน ใส่ไว้ด้านหลังเอกสารหนังสือฉบับเดิม
“ จนปีที่แล้วทหารมาชวนไปรังวัด บอกว่าจะได้นำไปออกโฉนดที่ดิน เห็นว่าจะได้โฉนดที่ดินชาวบ้านก็ชักกันไป ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะต้องเช่า พาเจ้าหน้าที่ออกไปชี้แนวเขต แล้วก็มาให้ปากคำกับ จนท.ธนารักษ์ ซึ่งมีการคำนวณค่าใช้จ่าย โดยที่ดิน 17 ไร่จะต้องจ่ายเป็นที่นาและที่ไร่ 2 ยอด คือ 4,074 บาท กับ 2,274 บาท จึงรู้ว่าจะต้องเช่าที่ดินมรดกตัวเอง ทำให้ยังไม่เดินทางไปจ่ายเงิน และนัดหมายเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรม ”
นายเปลี่ยน สีนากรุง อายุ 62 ปี อดีตรองนายก ทต.หนองวัวซอ (083-5124261) เปิดเผยว่า ปี 65 รัฐเข้ามารังวัดที่ดินชาวบ้าน บอกว่าจะออกเอกสารสิทธิให้ กำนัน ผญบ. บางคนก็บอกว่าจะออกโฉนดให้ แต่สุดท้ายมันเป็นเอกสารเช่า และเช่าที่ดินของตนเอง โดยคิดค่าเช่าไร่ละ 200 บาท เมื่อบวกค่าธรรมเนียมต่าง ๆก็เป็นไร่ละ 1,000 บาท แล้วก็บอกว่าไม่ให้สร้างเถียงนา (กระท่อมนา) ถ้าไม่ให้สร้างพอฝนตกก็ไปอยู่ใต้ต้นไม้ฟ้าผ่าตายพอดี การทำงานไม่มีความโปร่งใส
“ ชาวบ้านอยู่กันมาเป็นร้อยปี หลักฐานก็มีที่วัดหลายแห่ง ที่วัดบ้านหนองวัวซอ พ.ศ.2468 วัดบ้านหนองแวงยาว พ.ศ.2482 ชาวบ้านที่พร้อมก็มีเอกสารสิทธิเป็น ส.ค.1 และ นส.3 พอเอาไปขอออกโฉนดก็บอกว่า เอกสารของเราออกไม่ชอบ ไม่รู้ว่ามีการเอาโทษคนออกหรือไม่ เพราะเขาก็ตายไปหมดแล้ว เมื่อออกไม่ได้ชาวบ้านก็อยู่ต่อไป ชาวบ้านไม่เคยยื่นขอพิสูจน์สิทธิที่ดิน ครั้งนี้ชาวบ้านต้องการให้พิสูจน์สิทธิก่อน ส่วนใครจะเข้าร่วมหนองวัวซอโมเดลก็แล้วแต่เขา ”
นายทศกร สุระ ผญบ. บ.หมากหญ้า ม.8 ต.หมากหญ้า อ.หนองวัวซอ เปิดเผย (ทางโทรศัพท์ 093-1208968) ว่า โครงการหนองวัวซอโมเดล ได้เข้ามาทำความเข้าใจชาวบ้าน และเริ่มรังวัดที่ดินเมื่อปี 65 ตนเองกับเจ้าของที่ดิน ก็ไปชี้แนวให้กับ จนท. โดยแจ้งว่ารังวัดทำเอกสาร เพื่อขอเช่าที่ดินให้ถูกต้อง ในอัตราค่าเช่าที่ต่ำสุดราว 200 บาท/ไร่ โดยยังไม่รู้ว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายอีก คือ ค่ารังวัดที่ดิน , ค่าแรกเข้า และค่าประกัน เมื่อรวมแล้วก็มียอดสูง ตั้งแต่ 10,000 ถึงมากกว่า 100,000 บาท
“ ชาวบ้าน ม.8 ร่วมโครงการราว 190 ราย เกือบทั้งหมดไม่มีเอกสารสิทธิ ธนารักษ์เริ่มทยอยแจ้งให้ชำระเงิน ซึ่งยอดเงินที่เพิ่มขึ้นมามันเกินกำลัง ช่วงนี้ก็กำลังเก็บเกี่ยวทุกบ้านมีภาระ ชาวบ้านจึงยังไม่ไปชำระเงิน ผมได้นำเรื่องไปแจ้ง ส.ส.เพื่อช่วยเหลือ และเคยคุยกับธนารักษ์เรื่องผ่อนชำระ ก็ให้เวลาเพียงไม่กี่วัน ชาวบ้านก็มาบ่นผมว่าไม่ช่วย ผมก็ได้แต่ชวนชาวบ้านเดินหน้า ผ่านโครงการนี้ไปด้วยกัน แต่ส่วนที่ชาวบ้านไม่ต้องการเช่าอยู่ ทำให้เป้าที่ตั้งกันเอาไว้อาจจะไม่ถึง ”
นายวินัย อนันตวรางกูล ธนารักษ์พื้นที่อุดรธานี ชี้แจงว่า กรมธนารักษ์มีนโยบาย “ธนารักษ์เอื้อราษฎรแก้ปัญหาที่ดิน” โดยพื้นที่กองทัพบกใน อ.หนองวัวซอ ได้เข้ารังวัดตั้งแต่ ปี 2565 โดยร่วมกัน 4 ฝ่าย คือ ทหาร , ธนารักษ์ , ผญบ. และผู้เข้าทำกิน เมื่อรัฐบาลให้เป็นนโยบายเร่งด่วน ทำให้หนองวัวซอโมเดลมี 2 มิติ คือ มิติแรกการพัฒนาพื้นที่ โดยกองทัพบกนำที่ดินไม่ใช้ประโยชน์ มาจัดสรรให้ประชาชน พร้อมกับพัฒนาสิ่งสาธารณูประโภค มิติที่สองชาวบ้านอยู่โดยถูกกฎหมาย ด้วยการเช่าเชิงสังคม ในอัตราค่าเช่าต่ำสุด ไม่ได้ให้เช่าเพื่อแสวงหารายได้
“ ธนารักษ์ได้ชี้แจงทำความเข้าใจ กับประชาชนก่อนเข้าดำเนินการ ว่าทุกคนได้สมัครใจร่วมโครงการ ใครมีเอกสารสิทธิทับซ้อนกับที่ดินกองทัพบก ไม่ต้องการจะเข้าร่วม ก็ให้ไปใช้การพิสูจน์สิทธิตาม พรบ.ที่ดิน ไม่ได้บังคับเข้าร่วมโครงการ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย 4 ส่วน คือ ค่ารังวัด-ค่าแรกเข้า-ค่าประกัน-ค่าเช่า ที่ชาวบ้านมีปัญหาอยู่ ทำให้มีผู้มาทำสัญญาเช่ายังไม่มาก ได้ขอให้ฝ่ายปกครองรวบรวมรายชื่อ เพื่อสรุปรวมส่งให้กรมธนารักษ์ พิจารณาลดจำนวนเงินลงอีกแล้ว ”
ธนารักษ์พื้นที่อุดรธานี ชี้แจงอีกว่า ผู้ที่เช่าพื้นที่จากกรมธนารักษ์ พื้นที่การเกษตรก็สามารถสร้าวกระท่อมนา ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างชั่วคราว เพื่อไว้ดูแลไร่นาได้ แต่หากเป็นบ้านพักอาศัย เมื่อต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ ก็จะต้องยื่นแบบการก่อสร้าง เหมือนกับการยื่นขอก่อสร้างทั่วไป….