เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 เมษายน 2563 พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.ทรงพล บริบาลประสิทธิ์ รอง ผบก.ภ. พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธุ์ ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.เชี่ยวชาญ มีชัย ผกก.สภ.น้ำโสม ควบคุมตัวนายประจักษ์ วาโย อายุ 32 ปี อยู่ที่ 29 บ.ไทยรุ่งเรือง ม.3 ต.นางัว อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ผู้ก่อเหตุยิงนางสมใจ ถามะพันธ์ อายุ 54 ปี เสียชีวิตที่กระท่อมนาริมลำห้วยโสม บ.ท่าโสม ม.3 ต.ศรีสำราญ อ.น้ำโสม มาแถลงข่าวและทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
โดยใช้ตำรวจกว่า 50 นาย รักษาความปลอดภัย จุดแรกที่กระท่อมนาสวนผัก ได้ก่อเหตุช่วงเช้าวันที่ 23 เมษายน นายประจักษ์ฯ ขี่รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน สะพายปืนลูกซอง มาจอดบริเวณทางเข้าสวนผัก ห่างจากระท่อม 100 เมตร จากนั้นได้ขึ้นไปบนกระท่อม ใช้ปืนยิงไปที่ที่นอนผู้ตาย 1 นัด เพราะคิดว่าผู้ตายนอนอยู่ แต่ไม่ใช่ร่างผู้ตาย กระสุนถูกเพียงที่นอนและหมอน
ผู้ตายที่เตรียมจะอาบน้ำที่ริมลำห้วย ได้ยินเสียงปืนจึงร้องด้วยความตกใจ และกำลังจะขึ้นจากตลิ่ง นายประจักษ์ฯได้เดินไปตามเสียงร้อง จนพบผู้ตายจึงใส่ยิงผู้ตาย 2 นัด จนล้มลงที่ริมตลิ่งเสียชีวิต โดยขณะที่ทำกลังทำแผน มีญาติผู้ตายและชาวบ้านจำนวนมาก ได้มาดูการทำแผน พร้อมกับพยายามเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ และร้องด่าผู้ต้องหา ซึ่งตำรวจต้องนำตัวนายประจักษ์ฯ ขึ้นรถอย่างรวดเร็ว เพื่อไปชี้จุดที่ 2 บริเวณนำปืนไปซุกซ่อน
ส่วนจุดที่ 3 ตำรวจเตรียมนำตัวนายประจักษ์ฯ ที่ขอไปกราบขอขมาศพผู้ตายที่บ้านของแม่ผู้ตาย ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศล โดยมีญาติและชาวบ้านมาร่วมงาน เมื่อรู้ว่าตำรวจจะนำตัวนายประจักษ์ฯมาขอขมาศพ ได้มีญาติพี่น้อง ชาวบ้าน และชายฉกรรจ์ เดินทางมารอจำนวนมาก ถึงมีกำลังตำรวจดูแลความสงบในงานศพอยู่ ทำให้ พล.ต.ต.พิษณุ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เกรงว่านายประจักษ์จะไม่ปลอดภัย จึงยกเลิกการขอขมาศพ
พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี แถลงว่า นายประจักษ์ฯรับสารภาพ ว่าใช้ปืนยิงผู้ตายจริง ซึ่งนายประจักษ์ฯ เป็นน้องชายลูกสะใภ้ผู้ตาย มาอยู่กับผู้ตายมาประมาณ 3-4 ปี โดยผู้ตายพาปลูกผักไปขายที่ตลาด และนายประจักษ์ฯก็จะนอนอยู่ที่กระท่อม ต่อมาผู้ตายบอกให้นายประจักษ์ฯ แต่งงานมีครอบครัวได้แล้ว แล้วแนะนำให้รู้จักกับ น.ส.เอ นามสมมุติ อายุ 25 ปี และแต่งงานกัน แต่นายประจักษ์ฯ ขาดเงินค่าสินสอด 3 หมื่นบาท ผู้ตายได้ให้ยืม หลังแต่งงานได้ 2 ปีกว่า มีลูกสาว 1 คน ผู้ตายยังมาทวงเงินคืน แต่นายประจักษ์ฯ ยังไม่มีให้ ทำให้ผู้ตายไม่พอใจ และด่าทอนายประจักษ์ฯประจำ
นายประจักษ์ฯ อยู่กับภรรยาได้ 2 ปีกว่า เคยบอกผู้ตายว่าอยู่กับภรรยาไม่ได้ ไม่อยากอยู่ต่อ ทนไม่ได้ อีกทั้งแม่ยายก็ไม่ยอมรับ อยากกลับไปทำสวนเหมือนเดิม แต่ผู้ตายก็ไม่ยอมให้กลับมา ทำให้คับแค้นใจ จึงขี่รถจักรยานยนต์ไปยิงผู้ตาย แล้วขี่รถ จยย.กลับบ้าน ออกอุบายกับทางบ้านว่า จะไปเยี่ยมไปพ่อที่ จ.อุบลราชธานี รู้สึกสำนึกผิด จากอารมณ์ชั่ววูบ จึงได้กลับไปหาพ่อบอกในสิ่งที่ทำ อยากขอโทษ ขอขมาผู้ตาย ที่เคยมีพระคุณที่เลี้ยงดู และพาทำมาหากิน ส่วนที่ผู้ตายทวงเงิน เป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น
นางสุบรรณ ถามะพันธ์ อายุ 81 ปี แม่ของนางสมใจฯผู้ตาย เปิดเผยว่า อโหสิกรรมให้กับมือปืนที่ยิงลูกสาว ไม่อยากให้จองกรรมจองเวรต่อกัน แล้วแต่เขาจะมาทำยังไงก็เรื่องของเขา ตนมีเมตตาให้กับทุกคน แต่ยังไม่รู้เลยว่าเกิดจากเรื่องอะไร จากนี้ก็เป็นเรื่องของกฎหมาย ถ้าหากมือปืนอยากจะมาขอขมาศพ ตนก็ยินดีที่จะให้มาขอขมา
น.ส.เอ นามสมมุติ อายุ 25 ปี ภรรยานายประจักษ์ เปิดเผยว่า เสียใจมากกับเหตุที่สามีทำไป ที่เป็นทั้งญาติผู้ใหญ่ เป็นผู้มีพระคุณ มาสู่ขอจนได้แต่งงานกัน บอกว่าเพราะแค้นที่ถูกบังคับให้แต่งงาน รู้สึกกดดัน อึดอัด ที่ต้องแต่งงานกับตน ถ้าหากไม่อยากแต่ง ทำไมถึงมาคุยมาจีบนานกว่า 1 ปี ให้ผู้ใหญ่รวมทั้งผู้ตายมาสู่ขอ ตกลงค่าสินสอดที่ 1.2 แสนบาท ทองรูปพรรณ 1 บาท พอหมั้นหมายได้ 6 เดือน ก็เร่งให้จัดงานแต่งงาน ก็อยู่กินกันมา 2 ปีกว่า มีลูกด้วยกันอายุ 1 ปี 4 เดือน
“ สามีไม่เคยบอกว่าถูกบังคับ ครอบครัวก็ดูแลสามีอย่างดี มีอาชีพขายผักที่ตลาดกับผู้ตาย ซึ่งผู้ตายก็ไม่เคยบอกว่าสามีเป็นหนี้ 3 หมื่นบาท หากรู้ว่าเป็นหนี้เงินแค่นี้ก็จะหาเงินไปคืนให้ การที่สามีพูดออกมานั้นหากเป็นความจริง ก็อยากถามกลับไปว่า ถ้าไม่รัก ไม่ชอบ แล้วมาสู่ขอทำไม การพูดเช่นนี้ ตนรู้สึกเสียใจมาก เพราะหวังสร้างอนาคตอยู่ด้วยกัน ถ้าอยากได้สินสอดคืนก็บอกมาจะคืนให้ และจะขอตนจะเลี้ยงลูกเอง จะไม่ไปประกันตัว ใครสร้างกรรมอะไรไว้ ก็รับกรรมเอง ”…………