เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 ตุลาคม 2565 เสี่ย ป. นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อุดรธานี อายุ 55 ปี ยังคงถูกควบคุมตัวที่ สภ.เมืองอุดรธานี ข้อหา “ครอบครองสื่อลามก และครอบครองอาวุธปืน” ขณะที่นายภานุมาศ จิตรวศินกุล หรือเฮียเปี๊ยก จากเพจเฮียเปี๊ยกช่วยด้วย ได้นำนายน้อย นามสมมติ อายุ 51 ปี พ่อ น.ส.นิด นามสมมติ อายุ 16 ปี ที่เสี่ย ป.ชักชวนไปถ่ายภาพและคลิปเปลือย มายื่นหนังสือขอคัดค้านการประกันตัวเสี่ย ป. ในชั้นพนักงานสอบสวน เพราะเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับหลักฐานและพยาน เพราะเป็นคนมีฐานะ และกว้างขวางในสังคม โดยมี พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ
นายน้อย อายุ 51 ปี พ่อ น.ส.นิด อายุ 16 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า มีอาชีพรับซื้อของเก่า แม่ น.ส.นิดเสียชีวิตนานแล้ว และมีภรรยาใหม่ โดยมีลูก 2 คน น.ส.นิดเป็นลูกสาวคนเล็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ ทำงานร้านอาหาร ลูกเป็นเด็กเชื่อฟังดี บอกว่าจะไปนอนบ้านเพื่อนจึงอนุญาต และมารู้เรื่องเมื่อตำรวจมาที่บ้าน ว่าลูกสาวถูกเสี่ย ป.หลอกไปถ่ายภาพและคลิปเปลือย รู้สึกเสียใจและตกใจมาก ต้องการให้ดำเนินคดีกับเสี่ย ป.จนถึงที่สุด และมาคัดค้านการประกันตัว
นายภานุมาศ จิตรวศินกุล หรือเฮียเปี๊ยก เปิดเผยว่า ได้นำผู้ปกครองผู้เสียหาย ซึ่งเกิดความกลัว เพราะว่าผู้ต้องหาเป็นผู้มีฐานะ ถ้าผู้ต้องหาได้รับการประกันตัว อาจจะไปยุ่งเหยิงกับพยานและหลักฐาน และไม่รู้ว่าภาพและคลิปลามกอนาจาร ที่ผู้ต้องหาได้ถ่ายเก็บเอาไว้ จะอยู่ในคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์ที่ตำรวจตรวจยึด หรือผู้ต้องหาเก็บเอาไว้ ไม่ทราบว่าเก็บไว้ในไดฟ์อื่น ไอคาวอื่น หรือคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นอีกหรือไม่ หากได้ประกันตัวอาจเอาคลิปออกเผยแพร่ ผู้เสียหายกังวลในเรื่องนี้มาก
นางแมว นามสมมติ อายุ 36 ปี แม่ น.ส.โม อายุ 15 ปี ที่พบอยู่ในห้องนอนบ้านเสี่ย ป. เล่าว่า แยกทางกับสามี เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว โดยน้องโมฯเป็นลูกคนโต เรียนอยู่ชั้น ม.3 ช่วงออกพรรษาลูกมาขอไปนอนบ้านเพื่อนก็อนุญาต วันเดียวลูกก็กลับมาบ้าน จากนั้นลูกก็จะมาขอไปนอนบ้านเพื่อนเรื่อยๆ กระทั่งลูกหายไปตั้งแต่วันที่ 23-26 ตุลาคม ได้ออกตามหาที่บ้านเพื่อนลูกที่รู้จักไปเรื่อย แต่ก็ไม่มีใครพบเห็น กำลังจะมาแจ้งตำรวจ ก็พบข่าวโซเชียลว่าลูกไปอยู่บ้านเสี่ย ป. จึงรีบมาโรงพัก สอบถามลูกทราบว่าเพื่อนชวนมาเล่น และเสี่ย ป.ไม่ได้ทำอะไร
“ ลูกหายไปหลายวันก็เป็นห่วง ออกตามหาทุกที แต่ก็ไม่มีใครพบเห็น ครั้งแรกที่เห็นข่าวโซเชียล ก็จำเสื้อที่ลูกใส่ได้ พอรู้ว่าลูกอยู่ในบ้านเสี่ย ป. รู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าลูกจะไปอยู่บ้านคนอื่น เพราะลูกบอกว่าอยู่บ้านเพื่อน ไม่นานเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมฯโทรศัพท์มาหา ฝากถึงผู้ปกครองที่มีลูกในวัยนี้ เป็นวัยที่กำลังดื้อ ให้ดูบุตรหลานให้ดี ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องห้าม ไม่ใช่ตามใจทุกเรื่อง และฝากถึงเสี่ย ป. ไม่อยากให้ทำกับเด็กคนอื่นอีก ”