เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 27 พฤษภาคม 2565 ขณะที่ พ.ต.ท.เศรษฐวิทย์ คุณเศรษฐ์ สว.สอบสวน สภ.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก รับแจ้งจาก นางชลธิดา เมืองทา กำนัน ต.บ้านตาด และนางทองหล่ำ รัตนงาม ผญบ.บ้านกกสะทอน ว่ามีชาวบ้านพายเรือเก็บดอกบัวในคลองน้ำสาธารณะ ที่คุ้มริมคลอง ม.5 บ.กกสะทอน ต.บ้านตาด พบศพลอยอยู่ในคลองน้ำ ห่างจากฝั่งราว 15 เมตร มานานนับเดือน ขณะนี้หน่วยกู้ชีพ ทต.บ้านตาด และอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน นำเรือลงไปช่วยกันนำศพที่ยู่สภาพเปื่อยยุ่ย จนแทบไม่เหลือเนื้อหนัง มีเพียงเสื้อผ้าของผู้ตายห่อหุ้มโครงกระดูก โดยใช้ตาข่ายมุ้งสีฟ้าเก็บชิ้นส่วนศพห่อขึ้นมาบนฝั่ง จึงออกไปตรวจสอบ พร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี
ที่เกิดเหตุเป็นคลองน้ำกว้างประมาณ 30 เมตร ยาวประมาณ 800 เมตร ลึกประมาณ 5 เมตร ที่ทาง ทต.บ้านตาด ขุดลอกไว้เพื่อเก็บกักน้ำให้ชาวบ้านได้ใช้ทำการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง พบชาวบ้านที่ทราบข่าวมายืนมุงดูกันเป็นจำนวนมาก ทราบชื่อผู้ตายภายหลังจากญาติมายืนยันว่าหายตัวไปนานนับเดือน คือนายจำรงค์ วงเสรี หรือเขียว อายุ 43 ปี ชาว ม.9 บ.โนนเดื่อ ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี เพราะจำเสื้อผ้าและรองเท้าของผู้ตายได้ รวมทั้งรถจักรยานสีชมพูที่จอดห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ทางญาติไม่ติดใจในสาเหตุ จึงมอบศพให้มูลนิธิฯไปเก็บรักษาไว้ที่สุสานปากดง ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมืองอุดรธานี เนื่องจากไม่มีเงินจัดงานศพให้ เพราะมีฐานะยากจน ประกอบกับสภาศพที่เหลือเพียงโครงกระดูก คาดว่าจะถูกปลาแทะเนื้อจนหมด หากมีเงินจะนำกระดูกผู้ตายกลับมาบ้านบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
สอบสวนนางทองใบ ผาบจันดา อายุ 58 ปี ชาว ม.9 บ.โนนเดื่อ ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี อาผู้เสียชีวิต ให้การว่า ผู้ตายมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ไม่มีครอบครัว และชอบดื่มเหล้า เป็นคนไม่ค่อยพูดและสุสิงกับใคร ปัจจุบันผู้ตายอาศัยอยู่กับพ่อที่ป่วยพิษสุราเรื้อรังเพียงสองคน และมีเพื่อนสนิทอยู่ที่คุ้มริมคลอง ที่มีบ้านอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 100 เมตร และชอบไปมาหาสู่กันเป็นประจำ ที่ผ่านมาก็อาศัยอยู่กับตน แต่ด้วยมีนิสัยชอบดื่มเหล้าและไม่ค่อยออกไปทำงาน จึงย้ายมาอยู่กับพ่อที่เป็นพี่ชายของตน ที่ชอบดื่มเหล้าเหมือนกันประมาณ 1 เดือนเศษ ยืนยันว่าโครงกระดูกเป็นหลานชายของตน เพราะว่าผู้ตายนั้นหายตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน เมื่อก่อนไปทำงานก่อสร้างก็กลับมา ไม่มีเงินเลยมาอยู่กับตน
”ผู้ตายเคยมีครอบครัว แต่ว่าก็เลิกกันไปนานแล้ว ตนเลยให้เลี้ยงวัวของตน แต่ผู้ตายขี้เกียจแล้วกลับไปอยู่กับพ่อได้ประมาณ 10 วัน ตนเลยไปถามหาที่บ้านก็ไม่เห็น พ่อผู้ตายบอกว่าไม่รู้ไปไหน เห็นขี่จักรยานสีชมพูที่ตนซื้อให้หายไปแล้วไม่กลับมาเลย ผู้ตายไม่ค่อยอยู่เป็นที่จะมาก็มาจะไปก็ไป และขี้เกียจทำงาน ตนเป็นคนเลี้ยงอยู่ตลอด ไม่เคยไปมีเรื่องกับใคร เวลากินเหล้าก็ไม่เคยไปหาเรื่องใคร โดยมีชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ สงสัยเป็นผู้ตายที่ไปขโมยไก่ในเล้า เมื่อเจ้าของออกมาเห็น คงตกใจวิ่งหนีลงไปในคลองน้ำ เพราะเป็นเวลากลางคืน และเชื่อว่าขณะนั้นหลานชายคงเมาเหล้าอย่างหนัก จึงทำให้ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ทำให้จมน้ำเสียชีวิต”
นางทองใบ ผาบจันดา ให้การอีกว่า เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา หลานชายอายุ 17 ปี ของตนมาบอกตนว่ามีรางสังหรณ์ตาข้างขวากระตุกหนักมาก ก่อนมาพบศพผู้ตายในวันนี้ เพราะเมื่อก่อนเขาทั้งสองคนสนิทสนมกันมาก แต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่กันหลังจากผู้ตายกลับมาอยู่บ้านกับพ่อ หลังจากที่ผู้ตายหายไปตนก็ไม่ได้ไปตามหา เพราะว่าชอบไปเล่นกับเพื่อนแล้วก็กลับมา ซึ่งตนคิดว่าไปทำงานกับเพื่อนอยู่ที่อื่น ตนก็ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ โดยศพผู้ตายตนก็อยากมอบให้มูลนิธิฯไปเก็บรักษาไว้ที่สุสาน เพราะพ่อของเขารวมทั้งตนก็ไม่มีเงินที่จะจัดงานศพ และศพก็เป็นโครงกระดูกไปแล้ว ถ้าหากมีเงินก็จะไปเอากระดูกหลานชายมาทำบุญตามประเพณีต่อไป
นางแหวน พิมพ์ศรี อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 218/5 คุ้มริมคลอง ม.5 บ.กกสะทอน ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี ชาวบ้านคนที่ถูกนายเขียวพยายามลักเอาไก่ เล่าว่า เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.00 น. ขณะตนกำลังทำกับข้าวในห้องครัว ได้ยินเสียงไก่ในเล้าที่เลี้ยงไว้อยู่ข้างบ้าน 50 ตัว ส่งเสียงร้อง จึงออกมาดูก็พบผู้ชายกำลังพยายามจับไก่ในเล้า จึงร้องตะโกนใส่หัวขโมย ทำให้หัวขโมยตกใจวิ่งหนีไปทางคลองน้ำ แต่ไม่รู้ว่าคนร้ายวิ่งลงไปในคลองน้ำ ขณะนั้นตนเห็นคนร้ายเป็นผู้ชาย สวมเสื้อแขนยาวสีฟ้า มีโคมไฟบนหัว แต่ตนก็ไม่ได้แล้วก็วิ่งหนีออกไปทางคลองน้ำ จึงไม่รู้ว่าเป็นใครที่พยายามมาลักไก่ กระทั่งมีคนมาพบศพเหลือเพียงโครงกระดูกในคลองน้ำใกล้บ้านของตน