วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
Google search engine
หน้าแรกสังคมรพ.สนาม1ใกล้เต็ม จ่อใช้ รพ.สนาม2

รพ.สนาม1ใกล้เต็ม จ่อใช้ รพ.สนาม2

อุดรฯยังเดินหน้าส่งรถบัส รับลูกหลานกลับบ้านต่อ แม้หลายหน่วยมีแผนจัดส่งด้วย ทำยอดผู้ป่วยพุ่งขึ้นต่อเนื่อง รพ.ขยายเตียงทุกแห่ง รพ.สนาม 1 ใกล้เต็ม รพ.สนาม 2 พร้อมรับ ส่วน 2 คลัสเตอร์ใหม่ รง.น้ำตาล กักตัว-ตรวจเชื้อยกโรงงานรอผล ส่วนครอบครัวใหญ่เชียงพิณเชื่อเอาอยู่ ด้านหมอดูแลผู้ป่วยสีแดง ยอมรับลุยต่อเนื่องล้า แต่มีบุคลากรแผนอื่นมาช่วย ทุกคนทำงานเต็มที่

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 นายอุเทน หาแก้ว รองนายแพทย์สาธารณสุข (สสจ.) อุดรธานี พญ.สุรีรัตน์ วัชรสุวรรณเสรี อายุรแพทย์ โรคติดเชื้อ รพ.ศูนย์อุดรธานี ร่วมแถลงสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่อุดรธานี จากสถานการณ์ของประเทศยังสูงอยู่ ทำให้ผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเดินทางกลับภูมิลำเนาอยู่ โดยอุดรธานีพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 148 ราย เป็นผู้ติดเชื้อมาจากพื้นที่เสี่ยง 137 ราย (เป็นผู้ป่วยยื่นยันแล้ว 23 ราย) ทำให้ยอดสะสม 2,324 ราย หายกลับบ้าน 1,077 ราย รักษาตัวอยู่ 1,225 ราย เสียชีวิตสะสม 22 ราย (ไม่เสียชีวิตต่อเนื่อง 2 วัน)

สำหรับผู้ป่วยเดินทางกลับมาต่อเนื่อง ทุกโรงพยาบาลรวมเป็นหนึ่งโดย รพ.ศูนย์อุดรธานี ดูแลผู้ป่วย “สีแดง” และผู้ป่วยในเขต อ.เมือง มีผู้ป่วย 168 ราย เป็นผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 13 ราย ใช้เครื่องออกซิเจนแรงดันสูง 23 ราย และดูแลผู้ป่วยสีเขียวที่ศูนย์โฮมฮัก (รพ.สนาม 1) 579 ราย ศูนย์มรกต (รพ.สนาม 2) พร้อมใช้งาน ขณะที่ รพ.บ้านผือ , เพ็ญ , บ้านดุง , หนองหาน และกุมภวาปี ได้เพิ่มเตียงและขีดความสามารถ ให้สามารถรับผู้ป่วย “สีเหลือง” เพิ่มขึ้น บาง รพ.เปิดหวอดนอกโรงพยาบาล สำหรับ รพ.อื่นก็เพิ่มจำนวนเตียงเช่นกัน

นายอุเทน หาแก้ว รอง สสจ.อุดรธานี กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน เกือบทั้งหมดมาจากพื้นที่เสี่ยง ที่เรามีมาตรการนำเข้ารักษา และกักตัวผู้ที่เดินทางมา 14 วัน ขณะการติดเชื้อในพื้นที่เมื่อมี ได้เข้าควบคุมไม่ให้ขยายวง อาทิ “คลัสเตอร์โรงงานน้ำตาล” อ.บ้านผือ พบผู้ติดเชื้อ 2 ราย รับเชื้อมาจากงานแต่งงานที่ จ.ร้อยเอ็ด และไปทำงานในแผนกบรรจุภัณฑ์ รง.น้ำตาล จึงทำการตรวจเชิงรุก (แรพพิทเทส) คนงานในแผนก 34 คน พบติดเชื้อ 17 คน จึงส่งตรวจยืนยัน PCR (ยังไม่รวมในรายงานสถานการณ์)

“ เมื่อวานท่านผู้ว่า และนายอำเภอ ลงพื้นที่ติดตามทีมสืบสวนควบคุมโรคจาก อ.บ้านผือ น้ำโสม และกุดจับ ระดมลงตรวจหาเชื้อแบบ PCR ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง รวม 697 คน จะทยอยรู้ผลตรวจในวันนี้ ระห่างการรอผล ให้ทุกคนกักตัวอยู่ในโรงงาน โดยผู้บริหารจัดให้แยกกักตัวเป็นแผนก ในห้องทำงานของตัวเอง และพื้นที่โกดังเก็บสินค้า มีญาติพี่น้องนำเอาเครื่องนอน เสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัวมาให้ และมี ทต.คำบง ดูแลเรื่องอาหาร 3 มื้อ วันนี้จะตรวจหาเชื้อเพิ่ม พนักงาน-ลูกจ้างที่ตกค้าง และครอบครัวญาติพี่น้องผู้ตรวจพบเชื้อ พร้อมให้คำแนะนำกักตัวที่บ้าน ”

นายอุเทน หาแก้ว รอง สสจ.อุดรธานี กล่าวด้วยว่า “เคสครอบครัวใหญ่เชียงพิณ” พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 2 ราย รวมเป็น 15 ราย เป็นผู้สูงอายุ 4 ราย เด็ก 5 ราย จากที่พบติดเชื้อคนแรก เป็นหญิงชาว สปป.ลาว มามีครอบครัวที่อุดรธานี มาทำงานเป็นแม่บ้านในตัวเมือง และเมื่อตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูง พบในครอบครัว บ้านใกล้เรือนเคียงติด ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่กักตัวอยู่ 21 ราย น่าจะสามารถควบคุมได้ โดยมีข่าวลือเรื่อง เป็นพนักงานในห้างสรรพสินค้า และเป็นพนักงานของร้านตลาดผ้า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

รอง สสจ.อุดรธานี ตอบข้อซักถามว่า อุดรธานียังเดินหน้า “นำลูกหลานอุดรฯกลับบ้าน” เป้าหมายแรก 1,200 คน ผ่านมาแล้ว 4 เที่ยวรวม 400 คนเศษแล้ว พรุ่งนี้มีนัดไปรับมาอีก 170 ราย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ป่วย “สีเขียว” มาถึงก็ส่งเข้า รพ.ทันที แม้ว่ามีหลายหน่วยงานในส่วนกลาง ประกาศแผนจัดส่งคนป่วยกลับบ้านแล้วก็ตาม ส่วนเรื่องวัคซีนอุดรฯได้รับต่ำกว่าแผน จากที่แจ้งว่าเดือนนี้เราจะได้ 1 แสนโดสเศษ ถึงวันนี้ได้มา 40,000 โดส ก็อาจจะไม่เป็นตามเป้า ซึ่งจะมีวัคซีนของ อบจ.อุดรธานีมาเสริม สำหรับ “ชิโนฟาร์ม” มีกลุ่มเป้าหมายแล้ว “โมเดอนา” กำลังทำรายชื่อเป้าหมาย

พญ.สุรีรัตน์ วัชรสุวรรณเสรี อายุรแพทย์ โรคติดเชื้อ รพ.ศูนย์อุดรธานี ตอบข้อซักถามว่า หมอทุกคนที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ตอนนี้ค่อนข้างล้า เราทำงานยาวมาตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้ว มีช่วงพักบ้างคือพฤษภาคม แต่เราก็แบ่งหน้าที่ช่วยเหลือกัน เข้ามาช่วยกันทุกแผนก เช่น ออกจุดฉีดวัคซีน , รพ.สนาม ทุกคนช่วยกันทำให้งานเบาลง แต่ที่รู้กันคือเคสท์เยอะขึ้นเรื่อย ๆ ต้องยอมรับว่ายังมีบางส่วนที่เรายังทำได้ไม่ดี อย่างเช่นคนไข้รอที่จุดพักคอยนานขึ้น รอเตียงนานขึ้น ในจุดนี้ยอมรับว่ายังลำบากคนไข้อยู่

“ ตอนนี้มีผู้ป่วยมาเป็นคันรถ เราก็ดูแลคนไข้ไม่เร็วเท่าที่ควร ต้องรอนานขึ้น ทั้งเรื่องรายชื่อที่ไม่ตรงกัน การรอผลแล็ป เตียงอาจจะไม่ได้สะดวกสบายเหมือนเมื่อก่อน ทางสาธารณสุขก็พยายามดูแลผู้ป่วยทุกคนอย่างที่สุด แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่เตรียมไว้ อาจจะไม่เพียงพอต่อหน้างาน ก็อยากให้เข้าใจว่า ตอนนี้การมานอนโรงพยาบาล ก็ต้องมีจุดพักคอย รอผล swap ก่อน ค่อยได้ย้ายตึก ญาติต้องงดเยี่ยม ต้องฝากของตามจุดต่าง ๆ ก็เป็นความลำบาก อยากให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ ว่าเราต้องเซฟคนไข้ทั้งโควิดเอง และไม่เป็นโควิด รวมทั้งบุคลากร และญาติด้วย ”….

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Google search engine

Most Popular

Recent Comments