ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563 นายประทีป อุ่ยเจริญ นายอำเภอหนองหาน จ.อุดรธานี รายงานมายังนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.อุดรธานี ถึงเหตุการณ์นายคำปุ่น พิมผาดี อายุ 61 ปี ชาวลาวลักลอบเข้าเมืองมาเสียชีวิตที่ ต.หนองเม็ก อ.หนองหาน เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลชุมชนหนองหาน ต้องสวมใส่ชุด PPE เพื่อเข้าไปเก็บศพพร้อมเก็บเชื้อนำไปตรวจ หาสาเหตุของการเสียชีวิต เพราะถือเป็นกลุ่มเสี่ยง “โควิด-19”
จากการสอบสวนนางลาโด้ พิมผาดี อายุ 30 ปี และนางหม่อง พิมผาดี อายุ 58 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ บ.หัวนาโท่ง เมืองปากงึม นครหลวงเวียงจันทน์ นางลาโด้ฯ มีสามีเป็นชาวไทยชื่อนายสมร ม่วงแก้ว มีอาชีพเป็นผู้รับเหมา และเสียชีวิตเมื่อ ก.พ.ที่ผ่านมา โดยพบรักกันที่ สปป.ลาว และอยู่กินกันมานานกว่า 10 ปี มีลูกสาว 1 คน อายุ 8 ขวบ ลูกชาย 1 คน อายุ 1 ปี 8 เดือน ไปทำงานที่ กทม.
เมื่อ ก.พ.63 สามีเสียชีวิตจากไตวาย ญาติจึงนำศพมาทำพิธีที่บ้านหนองลาด ม.12 ต.หนองเม็ก อ.หนองหาน พักอาศัยอยู่บ้านน้องสาวสามี และทำงานรับจ้างทั่วไปเพื่อเลี้ยงชีพ ก่อนจะชวนให้นายคำปุ่นฯและนางหม่องฯ พ่อแม่เดินทางมาเมืองไทย เพื่อมาทำงานและช่วยเลี้ยงลูก จึงลักลอบเข้ามาด้าน อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เมื่อต้น ส.ค.ที่ผ่านมา จนเมื่อเช้าวันที่ 18 ส.ค. กำลังรอไปทำบุญที่วัด นายคำปุ่นฯได้เสียชีวิต รพ.ระบุว่าป่วยเป็นเบาหวาน และโรคไตก่อนหน้านั้นไอติดต่อกันมา 2 วัน
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี แจ้งว่า จากการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการของศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 8 จังหวัดอุดรธานี พบว่า ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในร่างกายของนายคำปุ่น พิมผาดี แรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง ที่เสียชีวิตแต่อย่างใด จึงแจ้งประชาสัมพันธ์มาให้ทราบโดยทั่วกัน
พ.ต.อ.สรายุทธ ฉ่ำผิว ผกก.สภ.หนองหาน เปิดเผยว่า ได้ดำเนินคดีกับนางหม่อง พิมผาดี อายุ 58 ปี และนางลาโด้ พิมผาดี อายุ 30 ปี 2 แม่ลูก ราษฎรบ้านหัวนาโท่ง เมืองปากงึม นครหลวงเวียงจันทร์ สปป.ลาว แจ้งข้อหาเป็นคนต่างด้าว เดินทางเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งสองรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นางลาโด้ พิมผาดี ลักลอบเข้ามาอยู่กับสามีชาว อ.หนองหาน ได้ประมาณ 10 ปี มีลูก 2 คน หญิง 1 ชาย 1
“ สามีนางลาโด้ฯเสียชีวิตเมื่อ ก.พ.ปีนี้ ส่วนนางหม่องและนายคำปุ่นผู้เสียชีวิต พ่อและแม่ของนางลาโด้ฯ ได้หลบหนีมาทางช่องทางธรรมชาติเมื่อ ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อมาช่วยเลี้ยงลูกนางหม่อง หลังจากตำรวจดูเรื่องของนายคำปุ่นผู้เสียชีวิตจนเสร็จเรียบร้อย และได้ควบคุมตัวนางหม่องและนางลาโด้ โดยแจ้งข้อกล่าวหาแต่ไม่ได้ดำเนินคดี เนื่องจากต้องส่งตัวต่อไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตามขั้นตอนเพื่อผลักดันกลับภูมิลำเนาในวันนี้ ส่วนศพผู้เสียชีวิตได้มอบให้ญาติทางฝั่งไทยประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว ”
ที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอุดรธานี พ.ต.ท.วชิราธร ภุมรินทร์ สว.ตม.จ.อุดรธานี ได้ชี้แจงนางลาโด้ พิมผาดี และนางหม่อง พิมผาดี ผู้ต้องหาที่ถูกส่งตัวมาว่า ได้แจ้งข้อหา “ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย” (ลูก 2 คนยังอยู่ที่ อ.หนองหาน) หลังจากนั้นนำตัวไปตรวจร่างกาย เพื่อที่จะได้ขอใบรับรองแพทย์ และนำเอาใบรับรองแพทย์ไปยื่นขอที่สถานทูตลาว เพื่ออกใบผ่านแดนให้กับทั้งสองคนใช้ในการผลักดันกลับไปประเทศ โดยระหว่างที่รอเอกสารเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไว้ที่ สภ.เมืองอุดรธานี ระยะเวลาคาดว่าประมาณ 2-3 วัน หลังจากได้เอกสารมาเรียบร้อยก็ผลักดันกลับประเทศต่อไป….