เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 18 มกราคม 2565 ที่บริเวณพระอนุสาวรีย์ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานพิธีวันระลึกการก่อตั้งเมืองอุดรธานี เข้าปีที่ 129 โดยมีหม่อมหลวงสราลี กิติยากร นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี นำหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมงาน ซึ่งปีนี้ก็คงจัดในรูปแบบ New normal เนื่องจากการระบาดโควิด-19
เพื่อระลึกถึงวันที่พลตรีพระเจ้าบรมวงษ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ขณะดำรงตำแหน่งแม่ทัพฝ่ายเหนือ ได้ถอนกองทหารจากริมน้ำโขง ตามสนธิสัญญา รศ.112 จากข้อพิพาทฝรั่งเศสนำกองเรือ ปิดปากแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วมาตั้งกองทหารที่ “บ้านเดื่อหมากแข้ง” หรือเมืองอุดรธานีในปัจจุบัน พิธีการยังจัดตามปกติครบถ้วน แต่ลดจำนวนผู้ที่เข้าร่วมพิธี ทุกคนจะต้องตรวจ ATK ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง และถ่ายทอดสดผ่านเพจเฟซบุ๊คของ ทน.อุดรธานี
เริ่มตั้งแต่พิธีเชิญพานพุ่มดอกไม้สด ขึ้นถวายสักการะ จุดธูปเทียน เครื่องทองน้อย โต๊ะหมู่บูชา เบื้องหน้าพระอนุสาวรีย์ฯ , ตั้งแถวยืนตรงเคารพธงชาติพร้อมกัน พระสงฆ์สมณศักดิ์ 10 รูป ประกอบพิธีสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารปิ่นโต และจตุปัจจัยไทยธรรม หลังจากร่วมกันทำพิธีบายศรีสู่ขวัญบ้าน สู่ขวัญเมืองอุดรธานี การรำบายศรีสู่ขวัญ จากนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และพิธีบวงสรวงไหว้เครื่องสังเวย
นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ได้อ่านประกาศสดุดีเฉลิมพระเกียรติ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ด้วยพระปรีชาสามารถได้เลือกชัยภูมิที่เหมาะสม จากบ้านเดื่อหมากแข้ง เติบโตมาเป็นเมืองอุดรธานี เป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนในภูมิภาค โดยในช่วงท้ายได้กล่าวถึงเหตุที่ไม่มีการรำบวงสรวงของชาวอุดรธานี ตามประเพณีปฏิบัติกันทุกปีหลายหมื่นคน เพราะเป็นช่วงป้องกันการระบาดโควิด-19 หากสถานการณ์การระบาดไม่มี ประเพณีการรำบวงสรวงจะกลับมาจัดอีกครั้ง
โดยการ “รำบวงสรวง” ในปีนี้จัดให้มีการรำรอบพระอนุสาวรีย์ฯ 400 คน และจัดให้ “รำออนไลน์” เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด บริเวณพิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี , ลานพลับพลาพิธีทุ่งศรีเมือง , ลานหน้าห้าเซ็นทรัลอุดรธานี , ที่ว่าการอำเภอทั้ง 20 อำเภอ และสถานที่ประชาชนนัดหมาย ลงทะเบียนรำผ่านโปรแกรมซูม ในเพจเฟสบุ๊คของ ทน.อุดรธานี และถ่ายทอดสัญญาภาพจากจุดรำมากกว่า 100 จุด มาปรากฎบนจอแอลอีดีขนาดใหญ่ ที่พระอนุสาวรีย์ฯ ….