วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
Google search engine
หน้าแรกสังคมข้าวญี่ปุ่น“โคชิฮิคาริ”ปลูกได้บนผืนดินอีสาน

ข้าวญี่ปุ่น“โคชิฮิคาริ”ปลูกได้บนผืนดินอีสาน

ท่ามกลางวิกฤติ “โควิด-19” ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา มีนักสู้จำนวนไม่น้อย พยายามค้นหาโอกาส พบความสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง คลุกเค้ากันไป สำหรับที่ “พอดี ฟาร์ม” เลขที่ 33 บ้านบ่อเงิน ม.9 ต.สร้างก่อ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ได้นำเกษตรทฤษฎีใหม่ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาผสมผสานกับภูมิปัญหาท้องถิ่น ประสบการณ์ทำงานเกษตรจากญี่ปุ่น มาทำเกษตรแบบปรานีต จนประสบความสำเร็จกับการปลูกข้าวญี่ปุ่น “โคชิฮิคาริ” พร้อมถ่ายทอดให้เกษตรกรที่สนใจ

ที่บ้าน “พอดี ฟาร์ม” พบกับนายเศกสรรค์ โพธิสาร อายุ 43 ปี เล่าที่มาที่ไปให้ฟังว่า ภรรยา(นางนิ่มนวล วงศ์ศรีชา) เคยไปเย็บเสื้อผ้าที่ญี่ปุ่น 1 ปี ใช้ที่บ้านเปิดร้าน“ไนซ์บูติก” และ “ปลูกผักไฮโดโปรนิค” ส่วนตนก็เคยไปทำงานเกษตรที่ญี่ปุ่น ปี 50-51-52 ตามโครงการรัฐจัดส่งไปฝึกงาน ได้ประสบการณ์ปลูกพืชผัก ทั้งระบบเปิดและระบบปิด ได้เงินมาสร้างบ้าน และซื้อที่ดิน 3 แปลง 12+16+4=32 ไร่ ห่างจากบ้านราว 3 กม. เมื่อกลับมาได้ไปทำงานเป็น “ชิปปิ้ง” ที่ จ.ระยอง 2 ปี

“ อาศัยช่วงวันหยุดยาวกลับบ้าน มาออกแบบวางผังปรับพื้นที่ ซึ่งเดิมเป็นไร่อ้อย-ไร่มัน-นาข้าว ไม่มีระบบชลประทาน ยึดตามแนวเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 มีสระน้ำ , พื้นที่ป่า , พื้นที่สวน , นาข้าว และอื่น ๆ และเริ่มปรับพื้นที่ตามแผน ปลูกต้นไม้ ทำสวนกล้วย และนาข้าว เมื่องานเลือกสวนไร่นามากขึ้น ก็ตัดสินใจลาออกกลับบ้าน เข้ารับการอบรมหลายครั้ง จึงตัดสินใจเตรียมพื้นที่ทำเกษตรอินทรีย์ โดยเฉพาะพื้นที่นาข้าว 4 ไร่ ”

“เศกสรรค์ โพธิสาร” เล่าต่อว่า นำข้าวหลายพันธุ์มาปลูก ทั้งที่ใช้กินเอง และเอาไว้ขาย ทำเกษตรปรานีตเพิ่มมูลค่า จนนึกถึงข้าวญี่ปุ่น ที่เคยกินตอนไปทำงาน สองปีก่อนพบในเพจมีผู้นำเข้าเมล็ดพันธุ์ รวมทั้งพันธุ์โคชิฮิคาริ พันธุ์อันดับ 1 แต่ราคาแพงมาก กก.ละ 16,000 บาท ก็สั่งซื้อมา 1 ขีด เอามาปลูกในโรงเรือน เพื่อเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้ปลูกต่อ จากนั้นเริ่มปลูกแปลงแรก 2 งาน ใช้ภูมิปัญหาแบบไทยๆ ได้ผลผลิตราว 700 กก./ไร่ คุณภาพไม่ต่างจากที่ญี่ปุ่น จึงทดลองปลูกในแปลงต่อ ๆมา

เจ้าของ “พอดี ฟาร์ม” ได้จำลองแนะนำการปลูกแบบไม่หวง เริ่มจากการนำเมล็ดพันธุ์ ที่ผ่านมาคัดความสมบูรณ์ และหม่าน้ำมาแล้ว 2 วัน (ภูมิปัญหาไทย) พอเริ่มเห็นรากเอามาเพาะในถาดหลุมๆละ 3 เม็ด กลบด้วยวัสดุปลูกจากครั้งแรก “เถ้าแกลบ” เปลี่ยนเป็น “ดินไส้เดือนละเอียด” นำไปเก็บไว้ในเรือนเพาะชำนาน 2 สัปดาห์ , นำถาดเพาะกล้ามาไว้ที่แปลงปลูก แช่น้ำตากแดดไว้ให้ปรับสภาพอีก 2 สัปดาห์ แล้วปักดำแบบไทยๆห่างกัน 1 ฟุต ดูแลนาข้าวแบบไทยๆ แต่เป็นอินทรีย์จนเก็บเกี่ยว

“ แปลงนา 8 แปลงๆละ 2 งาน ใช้น้ำภายในสระของเรา และน้ำบาดาลพลังงานแสงอาทิตย์ ป้องกันสารเคมีจากนอกพื้นที่ จะปลูกหมุนเวียนชุดละ 2 งาน เก็บเกี่ยวแล้วตากดิน ปรับปรุงดิน ต้นกล้าข้าวญี่ปุ่นต้องเตรียมให้พร้อม ในนาข้าววันนี้ก็จะมีแปลงเตรียมเกี่ยว 1 แปลง , แปลงกำลังตั้งท้อง 1 แปลง , แปลงกำลังจะปักดำ 1 แปลง ที่เหลือก็เป็นแปลงที่จะไถกลบ-ตากแดด-ปรับปรุงดิน ข้าวที่เก็บเกี่ยวก็นำไปตาก เก็บไว้รอคำสั่งซื้อที่เข้ามาทุกวัน นำมาสีด้วยเครื่องสีข้าวครัวเรือน บรรจุถุงส่งตรงไปถึงบ้าน ”

นายเศกสรรค์ โพธิสาร กล่าวต่อว่า ตลาดข้าวญี่ปุ่นพอดีฟาร์ม จะเป็นกลุ่มคนเคยไปทำงาน หรือเคยกินข้าวญี่ปุ่นมาแล้ว เมื่อรู้ว่าเราปลูกได้จริง ทั้งจากปากต่อปาก และจากโลกออนไลน์ ก็จะสั่งซื้อไปลองชิมก่อน ส่วนใหญ่ก็สั่งซื้อมากขึ้นและต่อเนื่อง และขณะนี้มีร้านอาหารญี่ปุ่นใน จ.อุดรธานี เริ่มสั่งซื้อข้าวจากเราบ้างแล้ว โดยข้าวจาก “พอดีฟาร์ม” เป็นข้าวปลอดภัย(GAP) อยู่ระหว่างรอผลตรวจรอบสอง เพื่อรับรองเป็นข้าวอินทรีย์

ข้าวญี่ปุ่น…ปลูกได้จริงในพื้นที่ภาคอีสาน นอกเขตชลประทาน ที่ “พอดี ฟาร์ม” มีจำหน่ายทั้งข้าวเปลือก กก.ละ 500 บาท และข้าวสาร กก.ละ 100 บาท ทั้งข้าวไม่ขัด และข้าวขัด ราคาเดียวกัน ผู้สนใจสั่งซื้อผ่านเพจ “เสกสรรค์ โพธิสาร” ได้โดยตรง หรือเกษตรกรสนใจ สามารถติดต่อขอดูงาน และรับคำแนะนำได้เช่นกัน

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Google search engine

Most Popular

Recent Comments