วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
Google search engine
หน้าแรกอาชญากรรมหนุ่มคลั่งยาควงมีด2เล่มไล่ฟันหัวตำรวจบาดเจ็บก่อนถูกวิสามัญ

หนุ่มคลั่งยาควงมีด2เล่มไล่ฟันหัวตำรวจบาดเจ็บก่อนถูกวิสามัญ

จากกรณีเหตุหนุ่มวัย 36 ปี เมายาบ้าคลุ้มคลั่งใช้มีดไล่ฟันครูที่ รร.ตชด.บ้านนาเมืองทอง หมู่ 11 ต.โนนทอง อ.นายูง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้ง ด.ต.สะเด่น อันทะปัญญา และ ส.ต.อ.เฉลิมพล ชาภูธร ผบ.หมู่ ป. สภ.นายูง รุดออกไปตรวจสอบระงับเหตุทราบว่า หนุ่มคลุ้มคลั่งได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากที่เกิดเหตุแล้ว จึงหาข้อมูลคนก่อเหตุจากชาวบ้าน เพื่อติดตามไปควบคุมตัวไม่ให้ไปไล่ทำร้ายคนอื่นอีก ทราบชื่อภาพหลังคือนายรัญยู หรือมด ทองนะรินทร์ อายุ 36 ปี ได้หลบหนีไปที่วัดภูหัวบ้าน บ้านโนนทอง ต.โนนทอง อ.นายูง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร เมื่อถึงบริเวณหน้ากุฏิทางเข้าวัดภูหัวบ้าน นายรัญยูฯ เห็นตำรวจก็ได้ถือมีดปลายแหลม 2 เล่ม ความยาวประมาณ 40 เซนติเมตร ไล่ฟัน ด.ต.สะเด่นฯ ที่ยังไม่ทันตั้งตัว และเสียหลักล้ม

นายรัญยูฯได้กระโดดค่อมร่าง ด.ต.สะเด่นฯ ใช้มีดฟันศีรษะด้านซ้าย 1 ครั้ง บาดแผลยาวประมาณ 5 เซนติเมตร ลึกเกือบถึงกะโหลก และขณะที่หนุ่มคลั่งกำลังจะใช้มีดที่อยู่ในมือฟันซ้ำ ส.ต.อ.เฉลิมพล ชาภูธร ได้ใช้อาวุธปืนพก ขนาด 9 มม. ยิงขึ้นฟ้า 2 นัด เพื่อให้หนุ่มคลั่งหยุดการกระทำแต่ไม่เป็นผล และกำลังพยายามใช้มีดฟันศีรษะ ด.ต.สะเด่นฯ ซ้ำอีกและอาจจะเกิดการสูญเสียชีวิตได้ ส.ต.อ.เฉลิมพลฯ จึงใช้อาวุธปืนยิงไปที่ร่างของนายรัญยูฯ 1 นัด เข้าที่บริเวณหน้าอกเสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 8 สิงหาคม หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.สกล เฟื่องกระแสร์ ผกก.สภ.นายูง ร.ต.อ.หยกเพชร วรรณพฤกษ์ รอง สว.สอบสวน สภ.นายูง แพทย์เวร รพ.นายูง อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน จุดอำเภอนายูง พร้อมกับประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เดินทางมาเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 9 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.นายูง พบกับ พ.ต.อ.สกล เฟื่องกระแสร์ ผกก.สภ.นายูง เพื่อสอบถามรายละเอียดข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทราบว่าศพของนายรัญยู หรือมด ทองนะรินทร์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 233 ม.2 ต.นางัว อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี นำไปชันสูตรที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี พบถูกยิงเข้าที่บริเวณต้นขาซ้าย 1 แห่ง กระสุนทะลุ และบริเวณด้านหลังซ้ายกระสุนฝังใน

ส่วน ด.ต.สะเด่น อันทะปัญญา อายุ 47 ปี ผบ.หมู่ ป.สภ.นายูง ขณะนี้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.นายูง เย็บบาดแผลศีรษะด้านซ้ายจำนวน 11 เข็ม เป็นการเย็บ 2 ชั้น เพราะบาดแผลลึกถึงกะโหลกศีรษะ ส่วน ส.ต.อ.เฉลิมพล ชาภูธร อายุ 33 ปี ผบ.หมู่ ป.สภ.นายูง หลังเกิดเหตุได้ยืนรอมอบตัวกับพนักงานสอบสวน พร้อมของกลางอาวุธปืน ซิกซาวออร์ รุ่น พี 365 ส่งมอบต่อให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ พร้อมกับอาวุธมีดปลายแหลม 2 เล่มของผู้เสียชีวิต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และเดินทางไปเยี่ยม ด.ต.สะเด่นฯที่ รพ.นายูง เพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พ.ต.อ.สกล เฟื่องกระแสร์ ผกก.สภ.นายูง เปิดเผยว่า ช่วงค่ำวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุ มีคนร้ายลักษณะคุ้มคลั่งถืออาวุธมีด 2 เล่ม เข้าไปโวยวายอยู่ที่ รร.ตชด.บ้านนาเมืองทอง ตำรวจ สภ.นายูง จึงเดินทางไปตรวจสอบระงับเหตุ พอไปถึงคนร้ายก็ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว โดยมีครูอยู่ในโรงเรียนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง และบอกว่าคนร้ายจะเอาปืนกลับมายิงด้วยความกลัว จึงแจ้งตำรวจ จากนั้นตำรวจจึงไปสอบถามผู้ใหญ่บ้าน ทราบว่าลูกบ้านก็มาแจ้งในเวลาไล่เลี่ยกันว่ามีคนร้ายมาข่มขู่เช่นกัน คาดว่าจะเป็นคนร้ายคนเดียวกันคือนายมดฯผู้เสียชีวิต จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านพักที่อยู่ทางเข้าวัดภูหัวบ้าน

“พอเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงบ้านพักของนายมด นายมดก็ถือมีดวิ่งเข้าใส่ทันที ขณะเดียวกันตำรวจที่บาดเจ็บ ซึ่งโดยสารไปกับรถสายตรวจ ได้เปิดประตูลงจากรถ ได้ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า 2 นัด พร้อมกับตะโกนบอกให้หยุด อย่าเข้ามา แต่นายมดฯก็ไม่หยุด ตำรวจที่บาดเจ็บ จึงหันหลังเพื่อจะวิ่งหนี นายมดจึงวิ่งไล่ตามไปฟัน ถูกด้านหลังบริเวณเสื้อเกราะจนขาด และถูกที่ศีรษะจนบาดเจ็บล้มลงกับพื้น ตำรวจที่เป็นคนขับรถได้วิ่งอ้อมตามมา พอเห็นท่าไม่ดี และนายมดกำลังจะฟันซ้ำ จึงตัดสินใจยิงใส่นายมดทันที นัดแรกยิงที่ต้นขาซ้าย แต่นายมดก็ไม่หยุด จึงยิงซ้ำไปอีก 1 นัด เข้าที่หลังด้านซ้าย ตำรวจที่บาดเจ็บใช้จังหวะนั้นผลักนายมดออก ก่อนนายมดล้มแน่นิ่งไป”

ผกก.สภ.นายูง เปิดเผยอีกว่า การดำเนินคดีจะแยกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือข้อหาบุกรุกของนายมดที่บุกเข้าไปโรงเรียน ส่วนที่ 2 คือข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และส่วนที่ 3 คือการแจ้งข้อหาเจ้าพนักงานในข้อหาฆ่าผู้อื่น แต่ก็จะอ้างเหตุป้องกัน เนื่องจากหากไม่ระงับยับยั้ง ตำรวจที่ถูกฟันบาดเจ็บอาจจะเสียชีวิต นายมดไม่เคยมีประวัติถูกจับกุม แต่ชาวบ้านใกล้เคียงบอกว่านายมดเมื่อมีอาการเมา จะถือมีดออกมาข่มขู่ผู้อื่นอยู่เป็นประจำ ญาติพี่น้องก็ตัดหางปล่อยวัดแล้ว จึงต้องมาอาศัยวัดอยู่ หลังจากนี้ก็จะได้สอบสวนดำเนินคดีไปตามหลักฐาน

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่เกิดเหตุ เป็นกุฏิทางเข้าวัดป่าสามัคคีเจริญธรรม หรือวัดภูหัวบ้าน พบนายบุญเรือง ขุนอินทร์ อายุ 65 ปี ลูกศิษย์วัดฯบอกว่า ผู้ตายได้มาอาศัยอยู่ในวัดกับลูกชายประมาณ 1 เดือน  มีอาชีพรับจ้างกรีดยาง ทราบเพียงผู้ตายทะเลาะกับญาติพี่น้อง โดยตนเองไม่ค่อยมายุ่งเกี่ยวกับผู้ตาย ทำให้ไม่ทราบว่ามีนิสัยเป็นเช่นไร ส่วนลูกชายของผู้ตาย พระอาจารย์ที่วัดคงต้องดูแลไปก่อน หากหากญาติของผู้ตาย หรือแม่ของเด็กมารับเด็กก็ให้ไป

ส่วนนาง นาง ศรีกงพาน ป้าของผู้ตาย ชาวบ้านโนนทอง ต.โนนทอง อ.นายูง เล่าว่า ผู้ตายเป็นหลานแท้ๆ แต่มีนิสัยอารมณ์ร้อน และมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและดื่มเหล้าเป็นประจำ มีภรรยาเป็นชาวพม่า และมีลูกชายวัย 8 ขวบด้วยกัน 1 คน ส่วนภรรยาไปบวชชีที่ประเทศพม่า และก่อนหน้านี้ก็อยู่กับภรรยาสร้างฐานะด้วยกัน จากนั้นก็มาติดยาเสพติด เมื่อหลายปีก่อนภรรยาขอแยกทางกลับไปประเทศพม่า แล้วไม่กลับมาอีก แต่หลายชายก็เดินทางไปเอาลูกกลับมาที่ประเทศไทย ผู้ตายเคยมีบ้าน ทำอาชีพรับจ้างกรีดยาง และเอาบ้านที่ดินไปขายซื้อยาเสพติดมาเสพ จนต้องได้ไปอาศัยนอนตามบ้านญาติ และเมื่อ1เดือนที่ผ่านมา ผู้ตายก็ไปอาศัยนอนที่วัดภูหัวบ้าน

“หลังจากเกิดเหตุการณ์วิสามัญขึ้น ตนก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร คงยกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการก็จะมีหลวงพ่อที่วัด ว่าจะนำศพหลานชายมาทำพิธีที่วัด ส่วนตนก็ไม่ว่าอะไร เพราะก่อนหน้านี้ผู้ตายก็เคยพูดว่าจะฆ่าคนในบ้านเวลามาอาการคุ้มคลั่งยา แต่ก็ไม่เคยมาทำร้ายอะไรจะพูดขู่เวลาเมาเหล้าเมายาเท่านั้น ส่วนผู้ตายนั้นมีน้องสาวเพียงคนเดียว ซึ่งอยู่ที่ อ.น้ำโสม ก็ได้โทรศัพท์มาสอบถามตนว่าป้าจะเอาอย่างไร ตนก็บอกว่ายกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อหลายปีที่ผ่านมาผู้ตายก็ไปทุบบ้านน้องสาวจนพังเสียหาย เพราะคลั่งยาบ่อยครั้ง ทำให้น้องสาวได้ตัดขาดความเป็นพี่น้องกันแล้ว เพราะพี่ชายมีอาการแบบนี้ ถ้าตายอย่าเอามาไว้บ้าน แต่พระที่วัดภูหัวบ้านได้ติดต่อมูลนิธิฯให้นำศพมาทำพิธีทางศาสนาที่วัดในหมู่บ้านโนนทอง”

นาง นาง ศรีกงพาน เล่าต่อว่า สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจนั้น ตนคิดว่าถ้าหลานชายต่อสู้กับเจ้าหน้าที่จนบาดเจ็บนั้น ตนคิดว่าไม่เกินกว่าเหตุ เพราะถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ป้องกันตัวเอง ก็จะได้รับบาดเจ็บ หรืออาจจะสูญเสียชีวิต ในส่วนลูกชายของผู้ตาย ตนได้ติดต่อไปทางภรรยาที่ประเทศพม่าแล้ว ซึ่งทางนั้นก็อยากรับไปดูแล

“ไม่อยากให้หลานชายเสพยาบ้า เพราะเป็นอันตรายต่อทุกคน เพราะตนก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้กับลูกชายคนเล็กของตนมาแล้ว เมามาก็จะมาร้ายพ่อแม่ แต่ลูกชายก็ไปรักษาตัวแล้วไปทำงาน แต่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ตนอยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ช่วยปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปเพราะเป็นอันตรายต่อสังคม ลูกหลานพ่อแม่และสังคมจะอยู่ไม่เป็นสุข เพราะยาเสพติด….

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Google search engine

Most Popular

Recent Comments