เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ขณะที่ ร.ต.ท.ชานนท์ โสนะโชติ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจาก น.ส.นิลวดี ขัดหย่อม อายุ 30 ปี ชาว ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง และ นางธัญรดี วรรณศรี อายุ 50 ปี ชาว ต.หนองซน อ.นาทม จ.นครพนม ว่าถูก บ.ฮิโกกิ แปลภาษาและวีซ่า หลอกลวงไปทำงานที่ประเทศเยอรมันนี มีการวางเงินเพื่อดำเนินการเอกสารเก็บเงินคนละ 25,000 บาท มีหลักฐานการโอนเงิน การสนทนาชักชวน อ้างว่ามีงานรองรับ เบื้องต้นบริษัทดังกล่าว อ้างว่าบริษัทแม่ที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นผู้ดำเนินการผิดพลาด ทำให้ไม่สามารถพาแรงงานไปทำงานตามที่กล่าวอ้างได้
น.ส.นิลวดีฯ เปิดเผยว่า มีอาชีพเสริมเป็นนายหน้าหาคนไปทำงานต่างประเทศ ทำงานด้านนี้มานานกว่า 2 ปี มีเพื่อนแนะนำว่ามีบริษัทที่อุดรธานี ประกาศรับสมัครไปทำงานด้านการเกษตรที่ประเทศเยอรมันนี ซึ่งได้ประสานติดต่อไปที่เจ้าของบริษัท ทราบว่าชื่อ อ.ติ๋ม อายุประมาณ 55 – 60 ปี ผ่านทางเฟซบุ๊คและโทรศัพท์ ตนจึงแนะนำเพื่อนหรือญาติที่รู้จักกันให้มาสมัคร เฉพาะของตนมีผู้เสียหาย 6 ราย ตนจึงต้องเดินทางมาเพื่อดำเนินคดีต่อบริษัทนี้ เฉพาะตนก็ต้องเสียเงินค่าดำเนินการ ค่าที่พัก ระหว่างดำเนินงานเป็นเงินกว่า 30,000 บาท และทราบว่าในกลุ่มนี้มีคนหลงเชื่อไปเกือบ 20 คน ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาในแถบภาคอีสาน ระหว่างนั้นก็ติดต่อประสานงานผ่านทั้ง อ.ติ๋ม ลูกชาย และลูกสะใภ้ อ.ติ๋ม
“ เคสนี้ต้องเดินทางไปทำวีซ่าเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 ตนก็พาแรงงานไป ระหว่างนั้น อ.ติ๋ม ติดต่อมาว่ามีปัญหาด้านเอกสาร ให้รอก่อน พวกตนก็พักอยู่ที่โรงแรมใน กทม. 2 คืน ที่สุดแล้ว อ.ติ๋ม ก็บอกว่าเป็นความผิดพลาดของบริษัทแม่ที่สิงคโปร์ มีสาขาอยู่ที่ กทม. แต่ อ.ติ๋ม และบริษัทที่อุดรฯ ไม่ได้มีเจตนาโกงแต่อย่างใด และจะติดต่อประสานงานหาทางแก้ไขให้ พร้อมจะจ่ายเงินค่าเสียเวลาให้ด้วย ซึ่งยังไม่ได้รับเงินดังกล่าว แต่ไม่มีความคืบหน้า โทรไปก็มีนำเสียงไม่ดี อ้างว่าตัวเองไม่ผิด และจะแจ้งความเอาผิดบริษัทแม่ แถมยังชักชวนพวกตนให้ไปร่วมแจ้งด้วย แต่ตนมองว่ามันไม่ถูกต้อง เลยแยกมาแจ้งความด้วยตนเอง เอาผิดบริษัทที่อุดรฯ จะผิดถูกอย่างไรก็ต้องว่ากันตามขั้นตอน ”
นางธัญรดี เปิดเผยว่า เคยไปติดต่อ อ.ติ๋ม ให้ช่วยดำเนินการจดทะเบียนสมรสให้หลานกับชาวญี่ปุ่น เมื่อประมาณ 6 ปีก่อน จึงได้พูดคุยกันเรื่อยมา เขาก็บอกว่ามีงานที่ประเทศ ถ้าสนใจก็สามารถสมัครไปได้ แต่ตนก็ยังไม่มีโอกาสได้ติดต่อไปสักที จนครั้งนี้เขาบอกว่ามีงานที่ประเทศเยอรมันนี ไปแบบถูกต้องตามกฎหมาย เป็นงานด้านการเกษตร มีค่าตอบแทนเดือนละประมาณ 7-8 หมื่นบาท แต่ต้องเสียค่าทำเอกสารคนละ 25,000 บาท จึงชักชวนญาติรวม 8 คน มาติดต่อที่บริษัทและโอนเงินจ่ายไปตามที่เขาบอก
“ เราเดินทางไป กทม. วันที่ 13 มีนาคม เตรียมตัวที่จะไปทำงาน วันแรกเขาก็บอกว่าเอเย่นมีปัญหา ต้องเลื่อนไปก่อน เราก็นอนรออยู่ 2 คืน สุดท้าย อ.ติ๋ม บอกเอเยนมีปัญหาจึงต้องเลื่อนไปไม่มีกำหนด มีการส่งข้อความทางไลน์มาอ้างว่าบริษัทเอยนที่สิงคโปร์มีปัญหา จะดำเนินการแก้ไขปัญหาและรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ จึงตัดสินใจมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะเงินที่จ่ายไปนั้น ส่วนใหญ่ก็ไปกู้ยืมนอกระบบมา มีค่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย หากไม่ได้ไปทำงานก็ไม่รู้จะหาเงินไหนไปจ่ายเขา “
เบื้องต้นผู้เสียหายได้เดินทางไปร้องเรียนและให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ สนง.จัดหางาน จ.อุดรธานี ซึ่งมีข้อมูลว่า อ.ติ๋ม เคยถูกแจ้งความดำเนินคดีจัดหางานโดยผิดกฎหมาย เมื่อเดือนมีนาคม 2563 โดยหลอกไปทำงานที่ญี่ปุ่น ซึ่งคดีความยังไม่ถึงที่สุด แล้วก็มาเกิดเหตุนี้ซ้ำขึ้นอีก และได้แนะนำ นางธัญรดีฯ ไปแจ้งความเพิ่มเติมไว้ที่โรงพักภูมิลำเนา รวมทั้งแนะนำให้ไปแจ้งข้อมูลที่ สนง.จัดหางาน จ.นครพนม เพิ่มเติมอีกทางหนึ่ง และ บ.ฮิโกกิ แปลภาษาและวีซ่า มีสำนักงานตั้งอยู่ภายใน ซอยประชาสันติ ทน.อุดรธานี