ยายร่ำไห้ไฟไหม้บ้านวอดทั้งหลังลูกสาวและหลานรอดหวุดหวิด

เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 7 กันยายน 2565 ขณะที่ พ.ต.ท.เปลวทอง สารีนันท์ สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก รับแจ้งเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชน เลขที่ 45/1 ซ.กนกพร ม.2 บ้านหนองหิน ต.นาดี จึงประสานรถดับเพลิงเทศบาลหนองสำโรง อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน นำรถดับเพลิงและอุปกรณ์ไฟส่องสว่าง รุดให้การช่วยเหลือดับเพลิงที่กำลังลุกไหม้บ้านไม้ชั้นเดียว

ที่เกิดเหตุพบ นางละม่อม รังวัดสา 69 ปี เจ้าของบ้านยืนร้องไห้กับญาติ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงไม่รอช้ารีบต่อสายฉีดน้ำแรงดันสูง จากรถดับเพลิงที่จอดอยู่ด้านนอก เข้ามาดับไฟที่กำลังลุกไหม้อย่างหนัก โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ สาเหตุคาดว่าไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากเป็นบ้านไม้สภาพเก่า รวมทั้งสายไฟฟ้าที่ใช้มานาน หลังจากเจ้าของบ้านได้รื้อบ้านหลังเก่าที่เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น นำมาปลูกสร้างใหม่เป็นบ้านชั้นเดียว รวมทั้งสายไฟฟ้าเก่าจากบ้านหลังเดิม มาเดินสายไฟต่อใช้ภายในบ้านมาประมาณ 10 กว่าปี จนทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร และไหม้บ้านวอดทั้งหลังภายในพริบตา มูลค่าความเสียหายประมาณ 5 แสนบาท

จากการสอบสวน นางละม่อม รังวัดสา เจ้าของบ้าน เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านของสามีที่ป่วยเสียชีวิตไปแล้วประมาณ 5 ปี และบ้านหลังนี้สร้างมาได้ประมาณ 10 กว่าปี แต่เป็นการนำไม้จากบ้านหลังเก่าและนำสายไฟฟ้าเก่ามาต่อใช้ภายในบ้าน หลังจากสร้างบ้านหลังนี้เสร็จ รู้สึกเสียใจมาก เพราะเป็นบ้านที่สามีปลูกสร้างด้วยตนเองเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ และปัจจุบันลูกสาวและหลานใช้เป็นที่พักอาศัยหลับนอน

”ก่อนเกิดเหตุลูกสาวจะมานอนกับตนที่บ้านอีกหลังที่ ปลูกสร้างอยู่ในรั้วเดียวกัน เพราะพรุ่งนี้ลูกสาวจะพาตนไปหาหมอที่ รพ.ศูนย์มะเร็ง ต.โนนสูง อ.เมืองอุดรธานี ขณะนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านของตน ลุกสาวได้ยินเสียงระเบิดจากบ้านไม้หลังเก่า จึงวิ่งไปดูพบว่าไฟได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่มาให้การช่วยเหลือดับเพลิง เพราะกลัวจะลุกลามไปบ้านใกล้กัน เนื่องจากในบริเวณพื้นที่บ้านของตนเองมีบ้านหลายหลังที่ ปลูกสร้างไว้ให้ลูกหลานได้อยู่รวมกัน แต่โชคดีที่ลูกสาวและหลานไม่เป็นอะไร หากพรุ่งนี้ลูกสาวไม่ได้พาตนไปหาหมอ ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เพราะไฟลุกลามรวดเร็วมาก”