“เสี่ยปรีชา” เสี่ยอุดรใจบุญแจกอังเปา ทนเสียงครวญชาวม้าอุดรธานีไม่ไหว ประกาศเดินหน้าต่อสนามม้าแข่ง บนที่ดินทองมูลค่า 400 ล้านบาท แต่ตั้งข้อแม้ต้องทำให้เป็นกีฬา ลบข้อครหาอบายมุข เป็นสถานที่พักผ่อนในช่วงวันหยุด
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 ตุลาคม 2561 ที่สนามอินเตอร์เกมส์ปาร์ค ถ.นิตโย อ.เมือง อุดรธานี นายปรีชา ชัยรัตน์ หรือ “เสี่ยปรีชา” นายกสมาคมม้าแข่งอุดรธานี นายวิบูลย์ โลห์สีทอง อุปนายกสมาคม พร้อมคณะ เดินทางมาพบกับกลุ่มเจ้าของคอกม้า , เทรนเนอร์ , จ๊อกกี้ , คนเลี้ยงม้า และพ่อค้า-แม่ค้า จาก จ.อุดรธานี จ.ขอนแก่น และพนักงานสนาม เพื่อรับฟังความต้องการทุกฝ่าย หลังจากสมาคมฯประกาศปิดสนามฯในปี 2562 และมีหนังสือจากหลายฝ่ายขอให้ดำเนินการต่อ
โดยเมื่อ “เสี่ยปรีชา” เดินทางมาถึงศูนย์อาหารของสนามฯ กลุ่มจ๊อกกี้และคนเลี้ยงม้า สวมเสื้อสกรีนข้อความ “รักสนามม้าอุดร” และนำป้ายไวนิลเขียนข้อความ “ขอความอนุเคราะห์จากเสี่ยปรีชา ชัยรัตน์ ต่อลมหายใจชาวม้า ท่าน…เท่านั้นจะช่วย ให้สนามม้าดำเนินการต่อไปได้” พร้อมร่วมกันตะโกนค่ำว่า “ฟูนออฟเลิฟ” ซึ่งเป็นชื่อม้าแข่งของเสียปรีชา ที่ได้รับรางวัลถ้วยพระราชทาน “ดาร์บี้” ปี 2529 และถ้วยรางวัลอื่นอีกมากมาย ถือเป็นสัญลักษณ์ของสนามแห่งนี้
นายปรัชญา พลโกษฐ์ เจ้าของคอกม้ามงคลเกรียงไกล ตัวแทนของชาวม้าอุดรธานี รวมถึงขอนแก่นที่สนามปิดไปแล้ว กล่าวว่า ตามที่สมาคมม้าแข่งอุดรธานี ออกประกาศเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2561 ว่าจะยุติการแข่งม้าของสมาคมฯ ตั้งแต่ปีการแข่งม้า 2562 ชาวม้าต่างมีความไม่สบายใจ ได้พูดคุยกันเมื่อกันยายน 2561 และทำหนังสือขอความเมตตา ถึงท่านนายกสมาคมฯ ที่เป็นผู้ก่อตั้งสนามมาตั้งแต่ปี 2529 หรือกว่า 33 ปีแล้ว ทำให้เรามีอาชีพ รายได้ ส่งบุตรหลานเรียนหนังสือ หลายคนเกิดมาก็อยู่กับม้ามาตลอด เมื่อเลิกไปก็ไม่รู้จะไปทำอะไร
“ ท่านฯเป็นคนมีเมตตา ช่วยเหลือคนจน คนยากไร้ คนด้อยโอกาส มอบอังเปาให้ทุกปีในวันตรุษจีน ปีละหลายๆล้านบาท และปีนี้มอบเงินสนับสนุน สร้างบ้านให้ผู้ยากไร้ของอุดรธานี จึงมาขออนุเคราะห์ให้ท่านฯสนับสนุน การแข่งม้าของสมาคมฯต่อไป เราชาวม้ามากกว่า 1,000 ครอบครัว พร้อมให้การสนับสนุน ให้สนามฯเดินไปข้างหน้าด้วยดี ให้สนามอยู่ได้ ชาวม้าอยู่ได้ คนดูจะได้ดูม้าแข่งดียิ่งๆขึ้นไป ”
นายปรีชา หรือเสียปรีชา กล่าวว่า เป็นความจริงตามที่ชาวม้าบอก คือถ้าเราตัดอะไรทิ้ง ความเดือดร้อนก็จะเกิด แต่ที่ผ่านมาตนทำสนามม้าด้วยใจรัก มีนโยบายบอกผู้บริหารไว้ว่า มีผลกำไรเท่าไหร่ เอาไปเพิ่มค่าฝีเท้าม้า หลายปีตนก็อัดฉีดเงินลงมาตลอด เพราะด้วยความรักไม่อยากให้หยุด ด้วยเพราะอายุที่มากขึ้น ไม่มีใครมาสานต่อ วันนั้นจึงคิดจะหยุด แต่เมื่อมาวันนี้เห็นทุกท่านฯก็หยุดไม่ได้ สิ่งพวกนี้เหมือนกระจกสองด้าน ด้านหนึ่งเขาก็ดูว่าเป็นอบายมุข อีกด้านหนึ่งก็ดูเป็นกีฬา เปิดอกเลยว่าไม่ปิดแล้ว สนามม้าทำต่อ (ท่ามกลางเสียงปรบมือ ไชโยโห่ร้อง)
“ แต่ผมขอให้พวกเราทำเป็นกีฬา ให้ภายนอกมองว่าเราไม่ใช่อบายมุข วันนี้ฟุตบอลมีเตะวันละ 50 คู่ นักเรียนแทงกันวันละ 10 , 20 บาท เป็นยังไงเราเองก็ไม่รู้ แต่ม้าแข่งสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จึงอยากให้เล่นด้วยนำใจนักกีฬา อย่าดึงม้า การดึงม้ามันย่อมมีแน่ เราต้องยอมรับความจริง อย่างไปทำกันจนน่าเกลียด รวมไปถึงวันไหนสนามไม่มีม้าแข่ง เพียงพอจัดแข่งวันละ 7 เที่ยว ผมก็จะขออนุญาตปิด ถ้ายอมรับก็แข่งกันไปเรื่อยๆ จนตายกันไปคนละข้าง ” (เรียกเสียงปรบมืออีกครั้ง)
นายปรีชา หรือเสียปรีชา เปิดเผยว่า การแข่งขันม้าอุดรธานีจะมีต่อไป ภายใต้ความร่วมมือของทุกฝ่าย ให้ทำการแข่งขันเป็นเกมส์กีฬา ไม่ถูกมองว่าเป็นอบายมุข ให้มีการเข้มงวดกวดขันการดึงม้า ด้วยการตั้งตัวแทนคอกมา 2 คน เข้ามาช่วยกับดูแลในเรื่องนี้ , ไม่เลี้ยงม้ามากเกินไป และทำให้สนามแข่งม้า เป็นสถานที่พักผ่อนในวันหยุด อาจจะมีความบันเทิงมาเพิ่ม ขณะที่ผ่านเราได้จัดสร้างสนามเด็กเล่นไปแล้ว อนาคตจะมีสนามฟุตบอล เพื่อให้ลูกหลานเราได้ออกกำลังกาย…
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สนามม้าแข่งหรือ “อินเตอร์เกมส์ปาร์ค” ที่สมาคมกีฬาม้าแข่งอุดรธานี ใช้ในการแข่งขันเป็นของนายปรีชา หรือเสียปรีชา ชัยรัตน์ มีเนื้อที่มากกว่า 200 ไร่ ถูกกำหนดเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัย ตั้งอยู่ห่างจากเขตเทศบาลนครอุดรธานี 1 กม.เศษ ห่างจากถนนอุดรธานี-สกลนคร (ทางหลวงหมายเลข 22) เพียง 700 เมตร มีการซื้อขายที่ดินล่าสุดไร่ละ 2 ล้านบาท เท่ากับที่ดินผืนนี้มีราคาสูงถึง 400 ล้านบาท