เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 สิงหาคม 2564 นายอุเทน หาแก้ว รองนายแพทย์สาธารณสุข (สสจ.) อุดรธานี พ.ญ.พัชริดา กลิ่นพะยอม อายุรแพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี ร่วมกันแถลงสถานการณ์โควิด-19 พื้นที่อุดรธานี ว่ายอดผู้ติดเชื้อรายวันทำสถิติเพิ่มขึ้นสูงสุดอีกครั้ง 365 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อนอกจังหวัด 329 ราย ติดเชื้อภายในจังหวัด 36 ราย ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 4,996 ราย รักษาหายกลับบ้านวันนี้ 192 ราย สะสม 2,577 ราย รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 2,383 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 36 ราย
นายอุเทน หาแก้ว รอง สสจ.อุดรธานี กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์ทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งขึ้นสูงสุดถึง 20,200 ราย ทำให้ ศบค.มีการประกาศเพิ่มจังหวัดเสี่ยงสูงสุด หรือสีแดงขึ้นเพิ่มขึ้นอีก เพื่อล็อคดาวน์พื้นที่ไม่ให้เกิดการกระจายของเชื้อ ส่วนอุดรธานีถึงแม้จะตัวเลขติดเชื้อรายวันที่สูงที่สุดเช่นกัน แต่ก็คงจะไม่ถึงขั้นต้องประกาศเป็นจังหวัดสีแดงเข้ม เนื่องจากเป็นการนำเข้าเชื้อจากพื้นที่เสี่ยงอื่นเป็นส่วนใหญ่ มาตรการของจังหวัดมีปรับความเข้มข้นขึ้นเพียงแค่การจำกัดการจัดกิจกรรมไม่เกิน 20 คน
“ ผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยจากพื้นที่เสี่ยง 329 ราย เข้ารับการรักษาที่ รพ.ทั้งหมด โดยมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงต่ำมาก เพราะทุกคนที่เดินทางมารักษามาตรการ ขณะผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยในจังหวัด 36 ราย เป็นคลัสเตอร์โรงงานน้ำตาล ที่กักตัวคนงานไว้ 754 ราย ตรวจหาเชื้อรอบที่ 2 และ 3 พบผู้ติดเชื้อรวม 30 ราย ก็ส่งเข้า รพ.เช่นกัน ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงถูกแยกไปกักตัวเพิ่ม ผู้เสี่ยงต่ำอนุญาตให้กลับบ้าน ไม่น่าเป็นห่วงกรณีนี้ ส่วนที่น่าเป็นห้วงคือคลัสเตอร์ตลาดสามพร้าว ผู้ติดเชื้อเพิ่มจาก 31 รายเป็น 42 ราย เกิดจากการกักตัวที่บ้านหละหลวม ได้ส่ง จนท.ลงไปทุกครอบครัวแล้ว “
นายอุเทน หาแก้ว รอง สสจ.อุดรธานี กล่าวว่า เป้าหมายการฉีดวัคซีนอุดรธานี คือผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเรื้อรัง 7 โรค แต่ที่ผ่านมากลุ่มผู้สูงอายุมาฉีดน้อยมาก ที่เกิดจากความหวาดกลัว ไม่เข้าใจในข้อเท็จริง ทำให้เกิดกระแสข่าวลือ ทำให้ผู้สูงอายุรวมไปถึงลูกหลาน ไม่ยอมมาฉีดวัคซีนกัน ทำให้ยอดฉีดเพียง 9 % เท่านั้น ขณะภาพรวมอุดรธานีฉีดไปแล้ว 17.8 % แล้ว ยืนยันว่าฉีดดีกว่าไม่ฉีด และขณะนี้อุดรธานีรับวัคซีน “ชิโนแวด” 50,000 โดส เพื่อฉีดเข็มแรก เข็มที่สองจะเป็น “แอสตาเซเนก้า” ขอให้ไปฉีดตามที่ได้รับนัดหมาย
พ.ญ.พัชริดา กลิ่นพะยอม อายุรแพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี เปิดเผยว่า รพ.อุดรฯผู้ป่วย 168 ราย เป็นผู้ป่วยที่ต้องใช้ออกซิเจน 69 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 11 ราย ใช้ออกซิเจนแรงดันสูง 27 ราย ที่เหลือใช้อ็อกซิเจนแรงดันต่ำ 31 ราย โดยผู้ป่วยที่ใช้ท่อช่วยหายใจ อยู่ในภาวะต้องใส่ท่อช่วยหายใจต่อเนื่อง การจะถอดออกต้องใช้เวลานาน ขณะที่ศูนย์โอบอุ้ม มรภ.อุดรธานี หรือ รพ.สนามแห่งที่ 1 มีบุคลากรติดเชื้อ 2 ราย ต้องกักตัวอีก 8 ราย จึงยังจะไม่รับผู้ป่วยเพิ่ม แต่จะส่งต่อไปที่ ศูนย์มรกต นิคมสอุตสาหกรรมอุดรฯ หรือ รพ.สนามแห่งที่ 2
ผู้เสียชีวิต รายที่ 34 เป็นรายที่ 2096 เพศหญิง อายุ 40 ปี ภูมิลำเนา อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เป็นโรคอ้วน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของผู้ติดเชื้อโควิด 19 ที่ กทม.18 ก.ค.64 กลับมาจาก กทม. มีผลตรวจยืนยันมาจาก รพ.บางนา 5 ขอเข้ารับการตรวจรักษาที่ รพ.บ้านดุง 21- 22 ก.ค.64 อาการแย่ลง หายใจหอบมากขึ้นส่งต่อ รพ.อุดรธานี 30 ก.ค.64 ผู้ป่วยมีภาวะทางเดินหายใจล้มเหลวจากการติดเชื้อ มีภาวะติดเชื้อในกระแลโลหิต 2 ส.ค.64 ผู้ป่วยหยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิต เวลา 11.56 น. รวมระยะเวลาการรักษาใน รพ.อุดรธานี 12 วัน
ผู้เสียชีวิต รายที่ 35 เป็นรายที่ 2099 เพศหญิง อายุ 48 ปี ภูมิลำเนา อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เป็นผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ ประวัติเดินทางมาจาก กทม. 6 วันก่อนมา รพ.มีไข้ ไอ มีเสมหะหายใจหอบเหนื่อย เข้ารับการรักษาที่ รพ.บ้านดุง 20 ก.ค.64 มีอาการหอบเหนื่อยส่งรักษาต่อที่ รพ.อุดรธานี 21- 22 ก.ค.64 ระหว่างการรักษา มีภาวะแทรกซ้อนปอดติดเชื้ออักเสบรุนแรง มีภาวะไตวายเฉียบพลัน ญาติปฏิเสธฟอกไต 2 ส.ค.64 ผู้ป่วยหยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิต เวลา 21.45 น. รวมระยะเวลาการรักษา ใน รพ.อุดรธานี 13 วัน
ผู้เสียชีวิต รายที่ 36 เป็นรายที่ 1354 เพศหญิง อายุ 61 ปี ภูมิลำเนา อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ป่วยโรคความดันโลหิตสูง มีประวัติสัมผัสกับบุคคลใกล้ชิดที่เป็นผู้ติดเชื้อโควิด 19 ก่อนมา รพ.มีไข้ หายใจหอบเหนื่อย เบื้องต้นเข้ารับการรักษาที่ รพ.อุดรธานี Refer กลับไปรักษาที่ รพ.กุดจับ 12 ก.ค.64 มีอาการหอบเหนื่อย แพทย์ส่งรักษาต่อที่ รพ.อุดรธานี 15- 20 ก.ค.64 ป่วยมีภาวะปอดติดเชื้ออักเสบ ระหว่างรักษามีภาวะแทรกซ้อนติดเชื้อในกระแสเลือด 21 กค.-2 ส.ค.64 พยากรณ์โรคแย่ลงแพทย์แจ้งอาการแก่ญาติ ปฏิเสธการฟอกไต 3 ส.ค.64 วัด BP ไม่ได้ เสียชีวิต เวลา 01.00 น. รวมระยะเวลาการรักษาใน รพ.อุดรธานี 24 วัน
