เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 มีนาคม 2566 พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ นาขวา ผกก.สภ.กุมภวาปี ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายวิ่งราวสร้อยคอทองคำร้านทอง ในพื้นที่ ต.พันดอน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งเหตุจึงพร้อมด้วย ร.ต.อ.จักรกฤษณ์ ศรีกงพาน รอง สว.สอบสวน สภ.กุมภวาปี ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กุมภวาปี และตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านและบริเวณใกล้เคียง บันทึกภาพคนร้ายขณะก่อเหตุไว้ได้
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 คูหา ชื่อห้างทองเยาวราช 2 เลขที่ 468 – 469 – 470 ถ.พิศารสารกิจ ทต.พันดอน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี โดยมีนางสาวมีนตรา ธาดาศุภาภรณ์ อายุ 53 ปี เจ้าของร้าน ให้ข้อมูลในเบื้องต้น จากกล้องวงจรปิดพบคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดอยู่ริมฟุตบาทก่อนถึงตัวร้านประมาณ 2 เมตร โดยจอดในจุดที่มีเสาไฟฟ้าบังมุมกล้อง
คนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 25 – 30 ผมรองทรง สูงประมาณ 170 ซม. สวมหน้ากากอนามัยสีขาว สวมเสื้อคลุมแขนยาวมีฮู้ดสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ร้องเท้าผ้าใบสีขาว ทำทีขอดูสร้อยคอทองคำ ก่อนวิ่งราวสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 2 เส้น วิ่งไปขึ้นจักรยานยนต์ กลับรถขับหลบหนีไปเส้นทางเดิม โดยมีแฟนเจ้าของร้านวิ่งตามหลังมาแต่ก็ไม่ทันคนร้าย และจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดร้านนาฬิกาบริเวณ 4 แยก ถ.พิศารสารกิจ ตัดกับ ถ.ชนบทบำรุง คนร้ายได้เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปทางศาลเจ้าปู่-ย่าเมืองเก่า ซึ่งสามารถหลบหนีออกไปได้หลายเส้นทาง
นางสาวมีนตราฯ เจ้าของร้าน เล่าว่า เปิดร้านตั้งแต่ช่วงเช้าตามปกติ เวลาประมาณ 10.00 น. ตนอยู่หน้าร้านคนเดียว แฟนทำธุระอยู่หลังร้าน มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาขอซื้อสร้อยคอทองคำ ทีแรกหยิบให้ดูก่อน 1 เส้น รอบที่สอบหยิบให้ดู 2 เส้น เขาทำท่าดูสร้อยทองอยู่ไม่นาน ก่อนคว้าสร้อยคอทองคำไปทั้ง 2 เส้น หลบหนีไป จึงตะโกนบอกแฟนให้ออกมาช่วย แฟนวิ่งไล่หลังไปแต่ก็ไม่ทัน คนร้ายได้ขับหนีไปด้วยความเร็ว ร้านตนถูกคนร้านวิ่งราวเป็นหนที่ 2 แล้ว ครั้งแรกถูกทหารวิ่งราวทองไปเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 โชคดีที่ตามจับและทองคืนมา มาครั้งนี้ก็มาถูกวิ่งราวอีก เป็นสร้อยคอทองคำ 2 เส้น หนัก 4 บาท มูลค่าประมาณ 124,000 บาท เหมือนครั้งที่แล้ว
นางสมพิศ วรรณสุทธิ์ อายุ 58 ปี เจ้าของร้านรูปตรงข้ามร้านทอง เล่าว่า ตอนนั้นกำลังทำงานอยู่ในร้าน มีเสียงดังโวยวายตนก็ออกมาดู แต่ก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์อะไรมากนัก ได้ยินแต่เสียงเจ้าของร้านทองตะโกนบอกคนที่เอาทองไปว่าอย่าเพิ่งไป แต่คนนั้นเขาก็ไม่หยุด เขาขับมุ่งหน้าไปทาง 4 แยกทางไปศาลเจ้า ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่ามีการวิ่งราวทอง คิดว่าคงเป็นลูกค้าลืมของหรือลืมเงินทอนเท่านั้น
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานกล้องวงจรปิดรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายอย่างละเอียด พร้อมด้วยหลักฐานลายนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุทุกจุด ซึ่งจะทำการไล่กล้องวงจรปิดที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นเส้นทางหลบหนี ตรวจเช็คทะเบียนรถอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อติดตามตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
