4 หมอใหญ่ตั้งโต๊ะชี้แจง “ไต”คนป่วยถูกตัดมดลูก-รังไข่ ไม่หายยังอยู่ที่เดิม เหตุสื่อสารผิดพลาดทำเข้าใจผิด แต่ยอมรับตัดมดลูก-รังไข่ ไม่ขออนุญาตผู้ป่วย-ญาติก่อน ส่งราชวิทยาลัยศัลยกรรม-สูตินรีเวชแห่งประเทศไทย วินิจฉัยมาตรฐานวิชาชีพ ขณะเหยื่อเห็นภาพเอ็กซเรย์ แต่ดูไม่ออกไตอยู่หรือไม่ เดินหน้าหาคนกลางพิสูจน์
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 11 ธันวาคม 2561 ที่ห้องประชุมชั้น 7 โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี นพ.ณรงค์ ธาดาเดช ผอ.รพ.ศูนย์อุดรธานี , นพ.เกรียงศักดิ์ พิมพ์ดา รอง ผอ. , นพ.ธวัช ธรรมบวร หน.แพทย์ศัลยกรรม , นพ.สุรพงษ์ แสนโภชน์ หน.แพทย์สูตินารีเวช ร่วมแถลงข่าวชี้แจงกรณี ผู้ป่วยเป็นหญิง อายุ 33 ปี ชาว อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ที่เข้ารับการรักษาอาการปวดท้องลำไส้อุดตัน เข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมอุดรธานี ว่าวินิจฉัยโรคผิดพลาด และไตด้านหนึ่งได้หายไป
นพ.ณรงค์ ธาดาเดช ผอ.รพ.ศูนย์อุดรธานี กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญผู้ป่วยที่เข้าร้องเรียน พร้อมญาติ และทนายความ เข้ารับฟังคำชี้แจงของแพทย์ โดยมีตัวแทนยุติธรรมจังหวัดอุดรธานี และประธานเครือข่ายภาคประชาชน จ.อุดรธานี ร่วมเป็นสักขีพยาน ในประเด็นที่กำลังถูกสังคมสนใจคือ ไตด้านซ้ายไม่ได้หายไปไหน โดยขออนุญาตผู้ป่วยนำภาพเอ็กซเรย์ มาชี้แจงต่อสื่อมวลชนเพื่อยืนยัน แต่ผู้ป่วยยังไม่อนุญาต การแถลงข่าวอาจจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง
คณะแพทย์ชี้แจงว่า ผู้ป่วยเข้ารักษารักษาลำไส้อุดตัน แพทย์ได้ทำการตรวจวินิจฉัย ผ่าตัดเอามดลูก รังไข่ เปลี่ยนทางเดินไต และเปิดทวารใหม่ที่หน้าท้องซ้าย จากภาพเอ็กซเรย์ไตด้านซ้าย ยังคงอยู่ในร่างกายของผู้ป่วย แต่การทำงานของไตด่านซ้ายน้อยมาก เป็นไตฝ่อก่อนการผ่าตัด ลักษณะไตด้านขวาทำงานด้านเดียว คงเกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาด ของผู้ทำการตรวจรักษาว่า “มีไตทำหน้าที่ข้างเดียว” ทำให้เข้าใจผิดว่าไตถูกตัดออกไป รวมทั้งไม่ได้ทำความใจให้ถูกต้อง ซึ่งมีขั้นตอนตั้งแต่หลังผ่าตัด ตลอดจนการเตรียมตัวกลับบ้าน
คณะแพทย์ฯ ตอบข้อซักถามกรณี การตัดมดลูกและรังไข้ออกว่า เป็นการผ่าตัดของแพทย์ศัลยกรรมทั่วไป ไม่มีแพทย์สูตินรีเวชซึ่งสามารถทำได้ โดยแพทย์จะประเมินภาวะ หากพบความรุนแรงส่วนไหนก็ต้องตัดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อร้ายมะเร็ง หรือเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ หรือช็อคกาแล็ตชีส หากไม่เอาออกมาทั้งหมด ก็อาจะกลับเกิดลุกลามอันตรายเช่นกัน รับคำชี้แจงว่าพบก้อนเนื้อที่เชิงกราน มดลูกติดกับลำไส้และท่อไต ต้องรักษาการสูญเสียเลือด โดยการจะนำอวัยวะใดออก จะต้องแจ้งและขออนุญาตญาติผู้ป่วย และครั้งนี้ก็ไม่มีการแจ้ง หรือขออนุญาต
คณะแพทย์ ตอบข้อซักถามด้วยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี รวมทั้ง สนง.สาธารณสุข จ.อุดรธานี กำลังรวบรวมหลักฐานการตรวจรักษา ส่งไปให้ราชวิทยาลัยศัลยกรรมแห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยสูตินรีเวชแห่งประเทศไทย วินิจฉัยว่าการผ่าตัดครั้งนี้ จนนำไปสู่การตัดมดลูก รังไข่ และอื่นๆ ว่ามีมาตรฐานการประกอบวิชาชีพหรือไม่ เมื่อผลออกมาจึงจะมีคำสั่ง ดำเนินการขั้นตอนต่อไป คาดว่าจะส่งข้อมูลๆได้ภายใน 2 สัปดาห์
นพ.ณรงค์ ธาดาเดช ผอ.รพ.ศูนย์อุดรธานี กล่าวว่า ผู้ป่วยได้รับการเยียวยาตาม ม.41 แม้คนไข้ยังไม่พอใจอุทธรณ์ต่อ แต่ก็จะได้รับการดูแลหลังผ่าตัด รวมทั้งการนำลำไส้หน้าท้องกลับเข้าที่เดิม คาดว่าจะใช้เวลาราว 2 สัปดาห์ รวมทั้งค่าใช้จ่ายการไปรักษาสถานพยาบาลอื่น ยอมรับหลายเรื่องเกิดจากการสื่อสารผิดพลาด ซึ่งโรงพยาบาลจะต้องรับไปปรับปรุงแก้ไข
ผู้ป่วยถูกตัดลดลูกและรังไข่ เปิดเผยว่า วันนี้โรงพยาบาลฯโทรแจ้ง ให้มาตรวจรักษาปิดทวารหน้าท้อง เมื่อมาถึงโรงพยาบาลพร้อมแม่ ถูกเรียกให้เข้าไปคุยที่ห้อง ผอ.โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี แพทย์รังสี ยุติธรรมจังหวัด และทนายความของโรงพยาบาล มีการนำฟิล์มเอ็กซเรย์มาให้ดู พร้อมกับชี้ยืนยันว่าไตข้างซ้ายไม่ได้ถูกตัด ยังอยู่ในร่างกายตามปกติ แต่ไตมีอาการเสื่อมไม่ทำงาน พร้อมเกลี้ยกล่อมให้ลงลายมือชื่อยอมรับ และยินยอมให้แถลงข่าว
“ฟิล์มเอกซเรย์ที่นำมาให้ดูมืดทั้งแผ่น ดูไม่ออกว่าไตอยู่ตรงไหน ขณะที่ผ่านมาก็ไม่เคยรับแจ้งว่า ไตข้างหนึ่งมีอาการฝ่อ ทำงานไม่เต็มที่ ในรายงานก็เคยเขียนไว้ จึงยังไม่เชื่อว่าไตยังอยู่ที่เดิม และไม่ยินยอมลงรายมือชื่อ แต่จะขอไปเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจหาไตว่ายังอยู่ให้แน่ใจ โดยปรึกษากันว่า จะไปตรวจที่โรงพยาบาลเป็นกลาง อาจจะเป็นโรงพยาบาลศิริราช หรือโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อพิสูจน์หาความจริงต่อไป ”