เรื่องนี้นึกว่าเป็นนวนิยาย… สาวอุดรกำลังจะแต่งงาน กับนักธุรกิจสิงคโปร์ ปวดท้องมาหาหมอที่บ้านเกิด บอกเป็นมะเร็งต้องผ่าตัด ตัดรังไข่-มดลูก-ลำไส้ทิ้ง แต่ผลตรวจไม่พบมะเร็ง ซ้ำร้ายผ่านมาเกือบครึ่งปีพบ “ไตหาย” ทำคนไข้เกือบฆ่าตัวตายหลายครั้ง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ธันวาคม 2561 ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลาง จ.อุดรธานี น.ส.ศินวพร หอมกลาง อายุ 33 ปี พร้อมมารดา น.ส.วรรณลี แสนชาติ อายุ 56 ปี อยู่เลขที่ 37 บ้านไร่สวรรค์ ม.5 ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี และนายยิ่งศักดิ์ สิงหัดชัย ทนายความ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม และแจ้งความร้องทุก กับแพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี ต่อนายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี โดยมีนายกฤษชานนท์ อุทัยเลี้ยง นักวิชาการนโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี มาเป็นผู้รับหนังสือ
น.ส.วรรณลี แสนชาติ อายุ 56 ปี เล่าว่า เป็น อสม. มีความรู้เรื่องสุขภาพอยู่บ้าง มีลูกสาวเป็นเสาหลักของบ้าน เคยทำงานอยู่ ม.สงขลานครินทร์ ลาออกเพื่อเตรียมไปเปิดเนอสเซอรี่กับแฟนชาวสิงคโปร์ ที่ประเทศสิงคโปร์ ลูกปวดท้องจึงกลับมารักษาที่อุดรธานี หมอวินิจฉัยโรคผิดพลาดว่าเป็นมะเร็ง ตัดลำไส้ รังไข่ และมดลูก ออกทั้งหมด เคยร้องเรียนหลายหน่วยงานมาแล้ว และมีการใช้ ม.41 เยียวยามาเป็นเงิน 240,000 บาท เรายังไม่พอใจได้อุทธรณ์ ล่าสุดพบว่าลูกสาวถูกตัดไตออกไปด้วย 1 ข้าง จึงออกมาร้องขอความเป็นธรรมอีก
น.ส.ศินวพร หอมกลาง อายุ 33 ปี เล่าว่า เมื่อวันที่ 16 มิถุนายนปีนี้ ปวดท้องไปหาหมอที่ รพ.หาดใหญ่ หมอวินิจฉัยว่าลำไส้อุดตัน จะต้องนอนพักรักษาตัวที่ รพ. เมื่อปรึกษาแม่จึงกลับมารักษาที่ จ.อุดรธานี โดยเดินทางมาถึงสนามบิน อาการกำเริบจึงเข้า รพ.ศูนย์อุดรธานีทันที ต้องนอนที่ รพ.เพื่อตรวจหาสาเหตุ รับแจ้งว่าพบคล้ายๆก้อนที่รังไข่ และลำไส้ แต่หมอเวรบอกว่าไม่ต้องผ่าตัด จะฉีดยาให้ซีสช็อคโกแลตฝ่อหลุดไปเอง ตอนนั้นอาการก็ดีขึ้นตามลำดับ ต่อมาหมอใหญ่ (ศัลยกรรมลำไส้)มาแจ้งว่าเป็นมะเร็งแน่นอน 80 เปอร์เซนต์
“ ได้ขอให้หมอส่องกล้อง ตัดชิ้นเนื้อมาตรวจพิสูจน์ ซึ่งเป็นวิธีที่ยังไม่ได้ตรวจ ก็ถูกปฏิเสธว่ากล้องมีไว้รักษาโรค ไม่ได้มีไว้ตรวจหาโรค ถ้าไม่ผ่าตัดก็ได้ถ้าไม่พร้อม คนไข้มีอีกเยอะ รอคนเดียวไม่ได้ จึงต้องเข้ารับการผ่าตัดเช้ามืดวันที่ 26 มิถุนายน โดยหมอใหญ่เป็นคนผ่าตัด ไม่มีหมอสูตินารีเวชมาร่วม ทั้งที่เคยแจ้งว่าจะมาร่วม จนรับแจ้งภายหลังว่ายกเอามดลูก และรังไข่ออกทั้งหมด มีการเปลี่ยนทางเดินไต ตัดลำไส้ และเปิดทวารใหม่ที่หน้าท้องซ้าย โดยไม่มีการแจ้งญาติหน้าห้องผ่าตัดรับรู้ ”
น.ส.ศินวพร หอมกลาง เล่าต่อว่า 2 สัปดาห์ต่อมาหมอใหญ่มาแจ้งว่า “ผลชิ้นเนื้อออกมา ไม่อ่านค่าของมะเร็ง” ตนเองไม่ได้เป็นมะเร็ง แต่ถูกหมอศัลยกรรมลำไส้ ตัดเอามดลูกและรังไข่ออกไปหมด โดยไม่มีสูตินารีเวชร่วมผ่าด้วย ต่อมาแม่ได้ไปติดต่อเรื่องให้ฮอร์โมน ตามขั้นตอนของผู้หญิงถูกตัดมดลูก หลังจากอยู่ รพ. 1 เดือน 7 วัน จึงรู้ว่าประวัติคนไข้เพียงผ่าตัดเท่านั้น ไม่มีการตัดมดลูกและรังไข่ออก ทำให้ตัดสินใจร้องขอความเป็นธรรม จากนั้นวันที่ 22 ตุลาคม สนง.สาธารณสุข จ.อุดรธานี แจ้งให้ไปพบได้ใช้ ม.41 เยียวยา 240,000 บาท ซึ่งเรายังอุทธรณ์และรอผลอยู่
“ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ไปตรวจร่างกายที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี เตรียมย้ายทวารกลับที่เดิม เพราะถุงทวารใหม่ยังห้อยอยู่หน้าท้อง หลังตรวจร่างกายหมอบอกว่า ให้ระมัดระวัง รักษาตัวให้ดี เพราะมีไตข้างเดียว หากทำงานหนักจะไม่มีอีกข้างช่วย ทำให้รู้ว่านอกจากมดลูกและรังไข่ถูกตัด ยังมีไตอีกข้างถูกตัดออกไปด้วย รู้สึกต้องทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต นอกจากจะมีบุตรไม่ได้ ยังต้องมีสภาพทำงานหนักไม่ได้ จากเดิมเป็นหลักให้ครอบครัว ตอนนี้เรามาเป็นภาระให้ท่าน และแฟนชาวสิงคโปร์จะแต่งงานปีหน้าก็ดูจะถอยห่าง มันท้อใจจนเคยคิดจะฆ่าตัวตาย ก่อนเลือกมาร้องรอความเป็นธรรม ”
น.ส.ศินวพร หอมกลาง กล่าวตอนท้ายว่า ในการกระทำของหมอศัลยกรรม รพ.ศูนย์อุดรธานี นอกจากกรณีการวินิจฉัยโรคผิดพลาด ยังมีการ “ตัดไต”ไปหนึ่งข้าง โดยตนและญาติไม่เคยให้คำยินยอม หลังการรักษาก็ไม่เคยรับแจ้ง คิดไปเองว่าการกระทำของหมอ เจตนาเพื่อเอาไตไปหาประโยชน์หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือเป็นภัยร้ายแรงต่อประชาชน หากยังปฏิบัติหน้าที่รักษาผู้ป่วยอยู่ จะนำมาซึ่งความเสียหายต่อชื่อเสียงโรงพยาบาล ที่ประชาชนทั่วไปให้การยอมรับ อีกทั้งอาจกรทำการยุ่งเหยิง ต่อพยานหลักฐานทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงขอให้ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี มีคำสั่งพักงานหมอรายนั้น และดำเนินการทางวินัยและคดีอาญา
นายแพทย์ณรงค์ ธาดาเดช ผอ.โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ชี้แจง (โทรศัพท์) ว่า เรื่องนี้มีการร้องเรียนไปหลายส่วน รวมทั้งร้องเรียนไปสำนักนายกรัฐมนตรี ทางโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีได้ดำเนินการตามขั้นตอน รายงานไปยัง สนง.สาธารณสุข จ.อุดรธานี และมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ หลังจากมีการเยียวยาตาม ม.41 ผู้เสียหายได้อุทธรณ์ขอความเป็นธรรมต่อ ซึ่งการสอบสวนครั้งนั้นไม่มีกรณี “ไต” เมื่อมีการร้องเรียนในประเด็นนี้ จะต้องมีกรรมการไปสอบสวนเพิ่มเติม