จับแล้วมือยิงหนุ่มทาสยาบ้าที่ อ.บ้านดุง เป็นผู้มีพระคุณของผู้ตาย อ้างนัดเจรจาความบาดหมาง แต่ถูกทำร้ายก่อนจึงยิงป้องกันตัว ขณะแม่เหยื่อยอมเปิดปาก เคยปรับทุกข์ผู้ต้องหาเรื่องลูก ไม่ทำงานมั่วยาเสพติด หลังก่อเหตุโทรบอก “จัดการให้แล้ว รุ่งเช้าลูกเป็นศพ” อึดอัดคนหนึ่งลูก คนหนึ่งผู้มีพระคุณ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 ธันวาคม 2563 ที่ สภ.บ้านดุง จ.อุดรธานี พล ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.ท.วัฒนา มีทองหลาง รอง ผกก.สอบสวน สภ.บ้านดุง พ.ต.ท.วขิรศักดิ์ สายสุทธิ รอง ผกก.สส.สภ.บ้านดุง พ.ต.ท.อรรคพล ยี่เกาะ สว.สส.ภ.จว.อุดรธานี ร่วมประชุมติดตามการจับกุมนายสายันต์ มีหลง อายุ 45 ปี อยู่เลขที่ 218 ม.17 บ.โนนธงชัย ต.บ้านดุง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
กล่าวหาว่าคืนวันที่ 25 พฤศจิกายน 2563 ก่อเหตุยิงนายจักรพันธ์ อินทร์พล อายุ 31 ปี อยู่เลขที่ 218 ม.17 บ้านโนนธงชัย ต.บ้านดุง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ริมถนนบ้านโนนธงชัย-บ้านวังพระองค์ ถูกยิงที่ศีรษะ 1 นัด พร้อมของกลาง อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 , โทรศัพท์มือถือผู้ตาย และจยย.ที่ผู้ต้องหาใช้ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า มีเรื่องบาดหมางกันจนผู้ตายไปแจ้งความ คืนเกิดเหตุผู้ตายนัดให้ไปที่เกิดเหตุ เมื่อพบได้เกิดเหตุทะเลาะกัน ผู้ต้องหาสู้ไม่ได้จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ ถูกที่ศีรษะผู้ตาย
นางสมพงษ์ อินทร์พล อายุ 55 ปี แม่ผู้ตายและบุตรสาว ได้เข้าพบ พล ต.ต.พิษณุ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ให้การว่า ย้ายมาจาก จ.ลพบุรี หลังสามีเสียชีวิต พาลูกสาวมาอยู่ที่ อ.บ้านดุง ตั้งแต่ปี 52 ซึ่งมีเพื่อนชวนมาค้าขายว่าทำเลดี โดยนำชื่อไปขอเข้าในทะเบียนบ้านผู้ต้องหา ส่วนตนเองไปเช่าบ้านอยู่เพื่อค้าขายในตลาด เคยค้าขายลูกชิ้นปิ้ง ขายทุนก็เปลี่ยนใหม่ ปัจจุบันขายปลาส้ม นับถือผู้ต้องหาเป็นผู้มีพระคุณ
” ลูกชายต้องโทษคดียาเสพติดที่ จ.ลพบุรี 4 ปี พ้นโทษก็มาอยู่ด้วยเมื่อปีเศษ ชื่อก็อยู่ในทะเบียนบ้านผู้ต้องหา ลูกเคยไปทำงานที่อุดรธานี และ กทม. แต่ก็กลับมาอยู่ช่วงโควิด-19 ไม่ได้ทำอะไรและกลับไปเสพยาบ้า มาขอเงินแม่กับน้องครั้งละ 100-1,000 บาท บอกให้เลิกก็รับปากแต่ไม่เลิก จึงไปปรับทุกข์กับผู้ต้องหา จนคืนวันเกิดเหตุผู้ต้องหาโทรมา บอกว่าจัดการให้แล้วนะ จนเช้าพบว่าลูกชายถูกยิงเสียชีวิต เชื่อว่าผู้ก่อเหตุคือผู้ต้องหา แต่ไม่มีหลักฐานจึงไม่กล้าให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ เมื่อมีข้อมูลมากขึ้นจึงพูด รู้สึกอึดอัดมากเพราะคนหนึ่งก็ลูก อีกคนหนึ่งก็ผู้มีพระคุณ ”
ต่อมา พล ต.ต.พิษณุฯ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พร้อมกำลังตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาฯ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เริ่มจากจุดเกิดเหตุ ที่ผู้ต้องหานัดผู้ตายมาเจรจา ผู้ต้องหาระบุว่าถูกผู้ตายทำร้ายก่อน โดยถูกชกเข้าที่ใบหน้าจนล้มลง และยังตรงเข้ามาจะทำร้ายซ้ำ ขณะที่ผู้ต้องหาพยายามลุกขึ้น ได้ชักปืนออกมาจากเอวไปด้วย แล้วยิงสวนผู้ตายไป 1 นัด กระสุนถูกที่ศีรษะซ้ายทะลุ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
ในจุดที่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพนี้ ผู้ต้องหาฯได้จุดธูปขอขมาผู้ตายว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้มีเจตนาฆ่า แต่เพื่อป้องกันตนเองเฉยๆ ขออโหสิกรรมให้ข้าพเจ้าด้วย” ต่อจากนั้นนางสมพงษ์ฯแม่ผู้เสียชีวิต และน้องสาวผู้เสียชีวิต ได้ลงจากรถมายังจุดทำแผน เมื่อยินยอมให้ผู้ต้องหาขอขมา โดยยอมรับในทำการการขอขมาได้ พร้อมให้อโหสิกรรมต่อกัน ขณะสองแม่ลูกน้ำตาไหลตลอดเวลา
การทำแผนได้ดำเนินการต่อ โดยผู้ต้องหาได้หยิบเอาโทรศัพท์ผู้ตาย เอาไปทำลายทิ้งริมสระน้ำห่างไป 200 ม. แล้วโยนกระจายทั่วบริเวณ บางส่วนตกลงไปในน้ำ และห่างจากจุดเกิดเหตุ 100 เมตร นำเอาปืนไปซ่อนไว้ริมถนน ก่อนเดินทางกลับบ้าน จนวันที่ 29 พ.ย.63 ย้อนกลับมาเอาปืนไปทิ้งลงในอ่างเก็บน้ำวังพระองค์ ยืนยันไม่มีเจตนาจะฆ่าเป็นการป้องกันตัว เพราะผู้ตายตัวโตหนุ่มกว่า สู้แรงผู้ตายไม่ไหว
พล ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ได้เข้ามาร่วมกับตรวจ สภ.บ้านดุง รวบรวมหลักฐานได้ในส่วนหนึ่ง ที่เชื่อมโยงกัน รวมทั้งมีเหตุพิรุทผู้ต้องหา และผู้เกี่ยวข้อง จนทำให้ผู้ต้องหายอมเปิดปาก ติดตามยึดหลักฐานโดยเฉพาะอาวุธปืนได้ ที่ต้องให้ชุดประดานน้ำงมจากอ่างเก็บน้ำขึ้นมา นำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้ เป็นการกระทำของผู้ต้องหาคนเดียว…