รถแร่ทองแดงคว่ำยอมจ่ายฟื้นฟู คชจ.ยังคุยต่อ

2 ปี 10 เดือน รถแร่ทองแดงคว่ำลงห้วย โลหะหนักยังตกค้างแม้ฟื้นฟูสามรอบ บริษัทรถขนส่งเปลี่ยนใจ ยอมจ่ายฟื้นฟูรอบสี่ 5.5แสน แต่ 3 หน่วยงานยังต้องตามทวง ค่าวิเคราะห์ดิน-น้ำ-สัตว์น้ำ-คน 6.2 แสน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 มิถุนายน 2563 ที่ห้องประชุมพระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร ชั้น 3 อาคาร 1 ศาลากลาง จ.อุดรธานี นายปราโมทย์ ธัญญพืช รอง ผวจ.อุดรธานี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการ-คณะทำงานแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ที่ได้รับผลกระทบจากรถบรรทุกแร่ทองแดง พลิกคว่ำลงลำห้วยบ้าน สาขาลำห้วยสามพาด บ.นาดี ต.ผาสุก อ.กุมภวาปี อุดรธานี

มีนายเวทิน พุ่มอินทร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.อุดรธานี นำคณะกรรมการ-คณะทำงาน 4 คณะ จาก ฝ่ายปกครองอำเภอกุมภวาปี , สิ่งแวดล้อมภาค 9 . สาธารณสุขจังหวัด , ประมงจังหวัด , อุตสาหกรรมจังหวัด , คลังจังหวัด , อบต.ผาสุก , กำนัน ต.ผาสุก และนักวิชาการสิ่งแวดล้อม มรภ.อุดรธานี เข้าร่วมประชุม โดยมีตัวแทน บ.เอส เค ที ทราน จก. ผู้ประกอบการขนส่งเข้าชี้แจง

นายเวทิน พุ่มอินทร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทสจ.)อุดรธานี รายงานว่า อุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วงขนแร่ทองแดงจาก สปป.ลาว พลิกคว่ำมาตั้งแต่เช้ามืด 5 ส.ค.60 (2 ปี 10 เดือน) มีคำสั่งห้ามใช้น้ำ และนำสัตว์น้ำมาบริโภค ในระยะทาง 1 กม. เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย รวมทั้งผู้ประกอบการ ได้เข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหา มีคำสั่งตั้งคณะทำงาน 4 ชุดกลาง และอีก 2 ชุดเล็ก มีการตรวจพบทองแดง โลหะหนัก รวมทั้งสารหนู ปะปนในน้ำ-ดิน-สัตว์น้ำ สูงกว่าค่ามาตรฐานมาก

“ ผู้ประกอบการได้เข้าฟื้นฟูลำห้วย ตามแผนงานที่กำหนดไว้ ด้วยการเก็บกู้ตะกอนดินออก นำกลับไปทำลายที่ สปป.ลาว ตั้งแต่จุดที่รถพลิกคว่ำ ไปจนถึงจุดบรรจบกับลำห้วยสามพาด ระยะทาง 1 กม. โดยทำการฟื้นฟูรวม 3 ครั้ง (ครั้งที่ 3 เหลือ 300 เมตร) ก็ยังพบทองแดง โลหะหนัก สารหนู ตกค้างเกินค่ามาตรฐาน แม้การเก็บกู้แต่ละครั้ง จะเจือจางลงบ้างก็ตาม สำหรับครั้งที่ 4 กำหนดให้แล้วเสร็จเมษายน 63 แต่ยังไม่มีการดำเนินการ จึงทำหนังสือทวงถามไป ”

ทสจ.อุดรธานี รายงานต่อว่า เมื่อ 5 พ.ค.ที่ผ่านมาบริษัทมีหนังสือแจ้งว่า ได้ทำตามแผนฟื้นฟูแล้ว และผลตรวจตะกอนดินอยู่ในขั้นปลอดภัย จากผลกระทบโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ขาดสภาพคล่องอย่างสูง ไม่สามารถดำเนินการได้ อุดรธานีได้แจ้งยืนยันผลการตรวจตะกอนดิน และแจ้งให้เข้าฟื้นฟูใน 7 วัน พ้นจากนี้ราชการจะดำเนินการเอง และเรียกเก็บค่าใช้จ่ายต่างๆจากบริษัทฯ และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผู้บริหารบริษัทฯ ได้เข้าพบ ผวจ.อุดรธานี แสดงเจตนายินยอมจ่ายค่าเก็บกู้

ที่ประชุมได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตามหลักของกฎหมายสิ่งแวดล้อม “ผู้ก่อมลพิษต้องเป็นผู้จ่าย” จึงตรวจสอบประกันภัย พบว่าเหลือเงินสามารถจ่ายได้ 548,000 บาท โดยประกันพร้อมจ่ายให้แม้จะเกิน 2 ปีแล้ว และนอกจากการขุดลอกตะกอนดิน อบต.ผาสุก ประเมินการขุดลอก-ขนส่ง 550,000 บาท ยังมีค่าใช้จ่ายในการวิเคราะห์สารปนเปื้อนตกค้างใน ดิน น้ำ สัตว์น้ำ และคน ของสิ่งแวดล้อมภาค 9 , ประมงจังหวัด และสาธารณสุขจังหวัดรวม 619,305 บาท ที่เคยแจ้งให้บริษัทฯรับรู้แล้ว

ทั้งนี้ตัวแทน บ.เอส เค ที ทราน จก. ที่เข้าร่วมประชุม ยืนยันพร้อมจะมอบเงิน ตามที่ อบต.ผาสุก ประเมินค่าขุดลอก และค่าขนส่ง ไปยังบริษัทฯที่ จ.ขอนแก่น แต่จะมอบให้หน่วยงานไหน มอบให้อย่างไร โดยจะขอรับเอกสารการจ่ายเงิน เพื่อนำไปใช้เบิกจากประกันภัยได้ สำหรับค่าใช้จ่ายของหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งค่าเสียโอกาสของชาวบ้าน ยังไม่เคยรับรู้มาก่อน อาจจะเป็นการแจ้งก่อนที่ตนจะมารับหน้าที่ ซึ่งจะแจ้งให้ผู้บริหารได้รับไปพิจารณา

นายปราโมทย์ ธัญญพืช รอง ผวจ.อุดรธานี กล่าวสรุปว่า เรื่องบริษัทฯรับจะออกค่าใช้จ่าย ในการฟื้นฟูลำห้วยในรอบที่ 4 ถือว่าเป็นที่น่ายินดีหลังผ่านไปกว่า 3 ปี ส่วนวิธีการรายละเอียดมาดูอีกครั้ง อาจจะให้สถาบันการเงิน ค้ำประกันค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไว้ก่อน รอการนำไปฟื้นฟูให้เร็วที่สุด จะสามารถทำให้ทันฤดูฝนนี้หรือไม่ เพราะฝนได้ตกลงมาแล้ว หรืออาจจะต้องรอกันไปอีก 1 ปี

“ สำหรับค่าใช้จ่ายที่ทางราชการ สำรองไปก่อนในช่วงแก้ไขปัญหา ส่วนใหญ่คือค่าใช้จ่ายตรวจวิเคราะห์ ดิน น้ำ สัตว์น้ำ และมนุษย์ โดยให้รวบรวมเอกสาร (สำเนา) หลักฐานต่างๆ รวมเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดมอบให้ ทสจ.อุดรธานี ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อรับไปทำหนังสือในนาม จ.อุดรธานี แจ้งไปยังบริษัทฯให้รับรู้อีกครั้ง จากนั้นให้ถือเป็นเรื่องของแต่ละหน่วยงาน ไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ”