ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 ว่าคืนที่ผ่านมาเกิดฝนตกทั่วทั้งจังหวัด และตกหนักในหลายพื้นที่ สามารถวัดปริมาณน้ำฝนได้สูงสุดที่ อ.น้ำโสม 200 มม. , อ.บ้านผือ 100 มม. และ อ.นายูง 78 มม. แต่ไม่มีรายงานเหตุการณ์ น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ซึ่งน่าจะเกิดจากเป็นฝนต้นฤดู น้ำฝนส่วนใหญ่ไหลซึมลงพื้นดิน เหมือนกับฝนตกหนักที่ อ.บ้านดุง เมื่อสัปดาห์ก่อน 216 มม.
“อุดรทูเดย์” ได้รับแจ้งจากราษฎร บ.คำด้วง ต.คำด้วง อ.บ้านผือ ว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมา เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ทำให้บ้านเรือน ยุ้งข้าว โรงสีชุมชน ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะโรงสีชุมชน หลังคาสังกะสีหลุดหายไป เครื่องสีข้าว และข้าวเปลือกเสียหาย แต่ไม่สามารถขอความช่วยเหลือ จาก อบต.คำด้วง อ.บ้านผือได้ และเมื่อฝนตกลงมาเมื่อคืนซ้ำอีก จึงเกิดความเสียหายซ้ำสอง ชาวบ้านต้องช่วยกันเอง
นายศราวุธ แก้วโท อายุ 24 ปี บัณฑิตจาก มรภ.อุดรธานี ลูกชายของประธานโรงสีชุมชม เล่าว่า โรงสีชุมชนแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่ปี 38 ได้รับสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ ในสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ชาวบ้านมากกว่า 200 ครัวเรือน จะนำข้าวเปลือกมาสีที่โรงสีชุมชนนี้ โดยโรงสีจะได้ปลายข้าว รำข้าว และแกลบ เป็นรายได้ในการบริหารจัดการโรงสี
“ หลังเกิดพายุพัดหลังคาเสียหาย ชาวบ้านได้รับความช่วยเหลือ สังกะสี ตะปู และอื่นๆจาก อบต.คำด้วง ผมก็ไปขอรับการสนับสนุนด้วย ได้รับคำตอบว่าไม่สามารถช่วยได้ ระหว่างรอการอุปกรณ์มาซ่อมแซม ก็เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนักอีก ข้าวเปลือกที่ชาวบ้านเอามารอสี ก็เสียหายแต่ไม่มาก วันนี้จึงไปชวนชาวบ้าน มาซ่อมแซมหลังคาก่อน โดยใช้สังกะสีเก่าของโรงสี และของชาวบ้าน ที่ยังพอใช้งานได้มาซ่อมแซมเฉพาะหน้า ให้โรงสีสามารถทำงานได้ไปก่อน ”
นายธีระภัทร์ ผิวสวัสธ์ ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า บ้านเรือนชาวบ้านที่เสียหาย เกิดจากภัยธรรมชาติ มีระเบียบในการรับความช่วยเหลือ แต่หากเป็นนิติบุคคล หรือวิสาหกิจชุมชน ไม่มีระเบียบให้การช่วยเหลือ แต่หากผู้ดูแลวิสาหกิจชุมชน หรือโรงสีข้าวชุมชน จำเป็นต้องการรับการช่วยเหลือ ให้ดูว่าโรงสีชุมชนนั้นๆ ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานใด ให้ติดต่อหน่วยงานนั้นโดยตรง ว่าจะมีแนวปฏิบัติช่วยเหลือหรือไม่ …