อุดรโพล นิเทศศาสตร์ มรภ.อุดรธานี สำรวจ นร.-นศ.อุดรธานี พบตื่นตัวรับโควิด-19 ติดตามข่าวสารทุกวัน ผ่านเฟสบุ๊คมากสุด ตระหนักรู้ผลกระทบ ยอมอยู่บ้าน-หยุดเชื้อ-เพื่อชาติ เมื่อออกนอกบ้านสวมหน้ากากทุกครั้ง แต่พบปัญหาหน้ากากหาซื้อยาก ห่วงรัฐเยียวยาไม่ทั่วถึง อดเดินห้าง ไม่ได้ไปต่างจังหวัด
ผศ.ดร.เสกสรร สายสีสด หัวหน้าสาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เปิดเผยว่า สาขาวิชานิเทศศาสตร์ ได้จัดทำการสำรวจความคิดเห็น “อุดรโพล” พฤติกรรมการเปิดรับข้อมูลข่าวสาร และความตระหนักรู้ของนักเรียนนักศึกษาอุดรธานี ในช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาด” ในระหว่างวันที่ 14 – 17 เมษายน 2563 โดยมีการเก็บแบบสอบถามจำนวน 1,129 ชุด ผลการสำรวจพบว่า
พฤติกรรมการเปิดรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 พบว่า นักเรียน นักศึกษาติดตามข่าวสารเกี่ยวกับโควิด19 ทุกวัน ๆ ละหลายๆ ครั้ง มากที่สุด ร้อยละ 57.7 รองลงมาคือ ติดตามวันละครั้งร้อยละ 36.6 ติดตามข่าวสารน้อยกว่า 30 นาทีมากที่สุดร้อยละ 40.6 รองลงมาคือ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงร้อยละ 36.3 นอกจากนี้ยังพบว่า นักเรียนนักศึกษาติดตามข่าวสารเป็นประจำทุกวันร้อยละ 80.8 รองลงมาคือได้เห็นจากเพื่อนแชร์ผ่านเฟสบุ๊คร้อยละ 9.6
สื่อที่นักเรียน นักศึกษาติดตามมากที่สุดคือ สื่อโซเซียลมีเดียร้อยละ 79.7 รองลงมาคือสื่อเว็บไซต์ ร้อยละ 52.1 โทรทัศน์ร้อยละ 39.0 ส่วนโซเซียลมีเดียที่นิยมมากที่สุดคือเฟสบุ๊คร้อยละ 63.8 รองลงมาคือ ทวิตเตอร์ร้อยละ 14 ยูทูบร้อยละ 8.9
นักเรียนนักศึกษา ได้รับข่าวสารที่เกี่ยวกับไวรัสโควิด19 พบว่า ข่าวสารเกี่ยวกับการปฏิบัติตัว การอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติมากที่สุดร้อยละ 78.1 รองลงมาคือ ติดตามข่าวสารสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในแต่ละวัน ร้อยละ 68.8 การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้อยละ 64.0 ข่าวผลกระทบการเยียวยาจากรัฐร้อยละ 63.0 การงดจัดประเพณีสงกรานต์ร้อยละ 58.0 การงดจำหน่ายเหล้าตลอดเดือนเมษายนร้อยละ 55.3 ข่าวการปิดห้างสรรพสินค้าร้อยละ 50.7 ข่าวการปิดเซเว่น 22.00 – 04.00 น. ร้อยละ 50.4 การปิดสวนสาธารณะร้อยละ 38.5
เมื่อได้รับข่าวสารเกี่ยวกับโรคโควิด19 นักเรียน นักศึกษาได้แสดงพฤติกรรมคือ อยู่บ้านไม่ออกไปไหนถ้าไม่จำเป็น มากที่สุดร้อยละ 73 รองลงมาคือการออกจากบ้านทุกครั้งใส่หน้ากากเสมอร้อยละ 72.7 ล้างมือด้วยสบู่บ่อย ๆ อย่างน้อย 20 วินาที คิดเป็นร้อยละ 60.4 ไม่ไปในที่ชุมชนร้อยละ 53.3 ไม่ใช้ของใช้ร่วมกับผู้อื่น คิดเป็นร้อยละ 50.7 อยู่ห่างกัน 2 เมตรร้อยละ 49.8 อาบน้ำทันทีเมื่อกลับถึงบ้านร้อยละ 44.6 ตามลำดับ
กิจกรรมที่นักเรียน นักศึกษานิยมทำช่วงปิดเทอมคือ การเล่นเฟสบุ๊ค มากที่สุดร้อยละ 75.1 รองลงมาคือ ดูโทรทัศน์ร้อยละ 60.9 ทำงานบ้าน ช่วยงานพ่อแม่ ร้อยละ 55.8 เล่นเกมส์ออนไลน์ร้อยละ 52.9 เรียนออนไลน์ ร้อยละ 30.1 อ่านหนังสือทบทวนบทเรียนร้อยละ 23.9 ขายของออนไลน์ร้อยละ 17.9 ทำคลิปเผยแพร่ร้อยละ 12.4 หาเพื่อนใหม่ออนไลน์ร้อยละ 11.7
ด้านความตระหนักรู้เกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด19 พบว่า นักเรียนนักศึกษามีความตระหนักรู้ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์มากที่สุด คือการออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากทุกครั้ง 4.59 , รองลงมาคือการติดตามข่าวเป็นเรื่องที่ต้องทำ 4.57 , การเลื่อนเปิดเทอมป้องกันโควิดได้ 4.52 ส่วนความตระหนักรู้มีค่าเฉลี่ยที่อยู่ในเกณฑ์มาก ได้แก่ เห็นด้วยกับการรณรงค์ให้อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ 4.49 , การล้างมือด้วยสบู่ของท่านจะใช้เวลาอย่างน้อย 20 วินาที 4.47 จะเลี่ยงไปในสถานที่ชุมนุมชนเสมอ 4.46 , กินข้าวขณะอาหารร้อน ใช้ช้อนกลางของตนเองเสมอ 4.45 , ขณะไปซื้อของท่านจะยืนห่างจากคนอื่น 2 เมตรเป็นอย่างน้อย 4.43 , ผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศต้องกักตัวอย่างน้อย 14 วัน 4.42 , ระมัดระวังไม่ให้เป็นไข้หวัดในช่วงนี้ 4.39 , การเรียนออนไลน์แทนการเรียนแบบเดิมมีความจำเป็น 4.38 , การงดจำหน่ายเหล้าในช่วงสงกรานต์ สามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ 4.38 และเมื่อกลับถึงบ้านท่านจะอาบน้ำชะระล่างกายทันที 4.32 ตามลำดับ
ด้านปัญหาที่พบ นักเรียนนักศึกษาเห็นว่า ปัญหามากที่สุดคือหน้ากากอนามัยไม่สามารถหาซื้อได้ตามที่รัฐกำหนดร้อยละ 76.3 รองลงมาคือ รัฐเยียวยาอาชีพที่ประสบปัญหาในช่วงโควิดไม่ทั่วถึง 65.2 การไม่ให้เดินทางไปต่างจังหวัดทำให้ประสบปัญหาร้อยละ 50.9 การปิดห้างสรรพสินค้าทำให้ซื้อของได้ลำบากร้อยละ 50.7 การปิดภาคเรียนนานเกินไปส่งผลต่อการเรียนการสอนร้อยละ 49.8 การเรียนออนไลน์มีข้อจำกัด นักเรียนนักศึกษาได้ความรู้ไม่เพียงพอร้อยละ 47.6 การปิดร้านอาหาร ทำให้นักเรียน นักศึกษาที่ทำงานพิเศษขาดรายได้ร้อยละ 44.6 การเรียนออนไลน์ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายสูงขึ้นร้อยละ 41.1 การเรียนออนไลน์มีข้อจำกัดในด้านการมอบหมายงานกลุ่มร้อยละ 40.2 การเรียนออนไลน์ทำให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนลดน้อยลงร้อยละ 39.8 การประกาศเคอร์ฟิวทำให้การออกจากบ้านได้ลำบากร้อยละ 37.6 ตามลำดับ.