ผู้ว่าฯรับเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ “เสี่ยต้อย”มอบมูลค่า 1.4 ล้าน ขณะผู้ป่วย 7 คนแรกไม่มีไข้ ทยอยกลับดูแลตัวเองที่บ้าน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 2 เมษายน 2563 ที่ “บ้านต้อยติ่ง” นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.อุดรธานี นายธวัชชัย ศรีทอง รอง ผวจ.อุดรธานี นพ.ณรงค์ ธาดาเดช ผอ.รพ.ศูนย์อุดรธานี เดินทางรับมอบความอนุเคราะห์ ตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 12 เมตร 2 ตู้ เพื่อสร้าง รพ.สนาม ส่วนการตรวจผู้ป่วยนอก (ห้องคัดกรอง) และเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจพร้อมอุปกรณ์ 8 ชุด มูลค่า 1.4 ล้านบาท จากนายสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล ประธาน บ.เมืองอุตสาหกรรมอุดรธานี จก. และครอบครัว
นายสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล กล่าวว่า ตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 ตนและครอบครัวอยากจะช่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรดี จนรู้ว่าจะสร้าง รพ.สนาม และยังขาดตู้คอนเทนเนอร์ จึงเสนอตัวและไปจัดหามาให้ ส่วนการมอบเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพราะไปใช้บริการตรวจคลื่นหัวใจที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี พบว่าเครื่องมีน้อย คนไข้บางร้ายต้องเดินทางมาใหม่ เพราะเครื่องติดคิวนัดคนใช้รายอื่น เห็นว่าเครื่องนี้มีความสำคัญมาก จึงอนุเคราะห์จัดซื้อให้ โดยสิ่งไหนที่ตนช่วยได้จะช่วยเต็มที่
นพ.ณรงค์ ธาดาเดช ผอ.รพ.ศูนย์อุดรธานี เปิดเผยว่า การสร้าง รพ.สนาม ในส่วนการตรวจผู้ป่วยนอก บริเวณลานจอดรถข้าง รพ.ศูนย์อุดรธานี ที่จะแยกผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจมาตรวจที่นี่ ไม่ปะปนกับผู้ป่วยอื่น ซึ่งมีเอกชนสนับสนุนบางส่วน คาดว่าจะใช้งานได้สัปดาห์หน้า เพื่อรองรับผู้ติดเชื้ออาจจะมากขึ้น สำหรับหน้ากากอนามัยหมดปัญหาแล้ว รพ.ได้รับการจัดสรรเพียงพอ รอเพียงหน้ากาก N95 ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ
ผอ.รพ.ศูนย์อุดรธานี ตอบข้อซักถามด้วยว่า รพ.ศูนย์อุดรธานีได้รับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของอุดรธานีรวม 7 ราย โดยทั้งหมดไม่มีอาการไข้เลย ได้กักดูอาการจนครบส่งกลับบ้านแล้ว 1 ราย และพรุ่งนี้จะมีผู้ครบกำหนดอีก จะอนุญาตกลับไปบ้านได้ ซึ่งเมื่อกลับไปก็ต้องดูแลตัวเอง ตามคำแนะนำสำหรับคนทั่วไป
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ยังคงมีประชาชนกลุ่มเสี่ยง เดินทางกลับบ้านต่อเนื่องทุกวัน ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ รวมแล้ว 12,602 คน และเข้าสู่ระบบการกักตัวที่บ้าน 14 วัน มีเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครให้คำแนะนำ ตัวเลขนี้ถือว่ายังไม่สูง หากเทียบกับคนอุดรธานีไปทำงานต่างถิ่น ที่จะมีมากกว่า 1 แสนคน แสดงว่ายังมีชาวอุดรธานีอีกมาก ไม่ได้เดินทางกลับมา
“ เทศกาลสงกรานต์ปีนี้งดทั้งหมด ไม่ให้มีกิจกรรมที่นำคนมาร่วมกัน ส่วนงานประเพณีก็ทำพอประมาณ โดยให้ทุกฝ่ายแจ้งประชาสัมพันธ์แล้ว พร้อมเตรียมเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวัง ปีนี้ไม่ต้องเล่นสงกรานต์ เก็บชีวิตไว้เล่นสงกรานต์ปีหน้า ส่วนที่คาดกาลว่าระหว่างวันที่ 3-6 เมษายน และ 10-12 เมษายน อาจจะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นสูง ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมรับมือเต็มที่ ถ้าไม่มีผู้ป่วยเข้ามาก็เป็นข่าวดี ”