กรณีแม่โพสต์เตือนเป็นอุทาหรณ์ ภาพลูกสาววัย 10 เดือน ท้องเสีย อาเจียน นอนรักษาที่โรงพยาบาลกุมภวาปี จ.อุดรธานี ตั้งแต่วันที่ 23-26 ธันวาคม 2562 ลูกร้องไห้ตลอด และมีอาการหลังมือบวม โดยสอบถามพยาบาลบอกแค่ว่าน้ำเกลือไม่เข้าเส้นเลือด แต่เข้าผิวหนัง ไม่เป็นอันตราย เดี๋ยวแผลก็หาย ทำให้แม่ไม่พอใจ นำลูกออกจากโรงพยาบาลไปรักษาที่อื่น และโพสต์ภาพบาดแผลของลูกสาวลงโซเชียล ทำให้มีคนมาคอนเม้นท์จำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกุมภวาปีได้ออกแถลงการณ์บนหน้าเว๊ปเพจว่า เป็นอาการน้ำเกลือรั่ว ทำให้แผลอักเสบ เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปทำแผลทุกวันจนกว่าแผลจะหาย และพูดคุยกับแม่จนเข้าใจ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เวลา 11.00 น.วันที่ 7 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงพยาบาลกุมภวาปี จ.อุดรธานี พบ นพ.เกรียงศักดิ์ เอกพงษ์ ผอ.โรงพยาบาลกุมภวาปี เปิดเผยว่า โรงพยาบาลกุมภวาปี เป็นโรงพยาบาลขนาด 200 เตียง มีแพทย์ 25 คน พยาบาล 160 คน ต้องดูแลผู้ป่วยในอำเภอกุมภวาปี และลุ่มน้ำปา ประมาณ 3-4 แสนคน ถือว่ามีบุคลากรทางการแพทย์น้อย ขาดเครื่องมือแพทย์ ห้องผ่าตัดมีไม่เพียงพอ มีผู้ใจบุญมาร่วมบริจาคเครื่องมือแพทย์ตลอด แม้แต่บุคลากรในโรงพยาบาลยังต้องบริจาคให้โรงพยาบาล แต่ทุกคนทำงานด้วยอุดมการณ์ ส่วนเรื่องแม่โพสต์ภาพบาดแผลจากน้ำเกลือรั่วที่มือลูกสาววัย 10 เดือน ทางโรงพยาบาลอยากจะขอชี้แจงกับสังคมให้รับทราบเช่นเดียวกันว่า
“ ทุกคนเห็นภาพนี้แล้วรู้สึกเสียใจ ทีมงานเองก็เสียใจ ผมเองก็เสียใจ เป็นเหตุการณ์ไม่น่าเกิดขึ้น แต่มันเกิดขึ้นแล้ว เราจึงมาแสดงความเสียใจ เพราะเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ ข้อเท็จจริงเราลงในรายละเอียดเว๊ปเพจโรงพยาบาลไปแล้ว แต่จะไม่ขอพูดถึงอีก เล่าแล้วจะซ้ำ หรือผิดเพี้ยน เพราะเรากรองข้อมูลที่เล่าแล้ว อยากให้ดูตรงนั้น ถ้าไม่เข้าใจสามารถสอบถามได้ สรุปว่าแผลที่มือเด็กเกิดจากน้ำเกลือรั่ว เด็กตัวเล็ก แขนเล็ก เกิดอะไรนิดเดียวก็เป็นแล้ว เพราะฉะนั้นหลังจากเป็นแล้ว เรามองเรื่องนี้อย่างไรต่างหากที่สำคัญ”
นพ.เกรียงศักดิ์ เปิดเผยต่อว่า 1.เราได้ประชุมเตรียมทีมงาน ทบทวนอย่างละเอียด เราตั้งคำถามว่า เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เลย เราจะต้องทำอย่างไรบ้าง หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า โดยเราทบทวนกันไป โดยเฉพาะยิ่งเด็กเล็ก เรายิ่งต้องฟังเสียงพ่อแม่มากขึ้น เด็กตัวเล็กยิ่งต้องดูบ่อยมาขึ้น 2. เกิดแล้วเราจะทำอย่างไร เมื่อเช้าทีมงานเราดูข่าว คุณหมอกมลวรรณ ตามไปดูแลน้องตั้งแต่ก่อนเป็นเรื่องเป็นราวด้วยซ้ำ แต่บังเอิญว่าออกข่าวแล้วอาจจะสับสนเรื่องเวลาก็ไม่เป็นไร แต่ทีมเรายืนยันว่าดูแลตั้งแต่ต้น ดูแลแผลว่าจะเกิดการอักเสบหรือไม่ ซึ่งเราคาดว่าไม่นานคงจะหาย
“ วันนี้พ่อแม่ก็เริ่มเข้าใจ เจอเหตุการณ์วันแรกก็คงไม่มีใครทนได้ หน้าที่ของเราก็คือรับฟัง และวันนี้สิ่งที่เราควรทำ ไปดูแล ทำแผล รับผิดชอบ จะว่าอย่างไรเราก็ต้องทำ ส่วนอนาคต ผอ.วางแผนอย่างไร จะดูแลให้ละเอียดขึ้น ว่ากันไปแล้วหากน้ำเกลือรั่วในผู้ใหญ่ จะไม่เป็นไรเลย แต่นี่น้องเป็นเด็ก เด็กต้องดูแลมาก ไม่มีใครอยากให้เกิด ทีมงานปวารณาตัวว่า จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ”
ส่วน พญ.กมลวรรณ กิจเจริญปัญญา แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว เปิดเผยว่า เด็กมีอาการท้องเสียเรื้อรังมานาน ประมาณ 1 เดือน ได้รับการรักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลและคลินิกหลายแห่ง ก่อนจะมานอนรักษาที่โรงพยาบาลกุมภวาปี เด็กจะมีอาการอ่อนเพลีย ทางโรงพยาบาลจึงใส่สารน้ำที่มีน้ำตาลผสม ซึ่งเป็นผงปกติที่ใช้ในเด็ก ไม่ว่าเด็กจะเป็นโรคอะไร ถ้ามีการให้น้ำเกลือ จะมีน้ำตาลผสมอยู่ในน้ำเกลือเสมอ เนื่องจากมีการปรับแรงดันน้ำเกลือ ให้เหมาะสมกับเด็ก พอมีการรั่วไหลเกิดขึ้น น้ำตาลที่ผสมอยู่ในน้ำเกลือก็อาจทำให้เกิดอาการอักเสบรุนแรงกว่าผู้ใหญ่ที่ใช้น้ำเกลือปกติคือน้ำเกลือธรรมดา
“ เมื่อน้ำเกลือรั่วจะเกิดอาการบวม เป็นแผล แต่แผลจะหายได้เอง และได้แนะนำคุณแม่ว่า ต้องทำสะอาดแผลป้องกันการติดเชื้อ จากการที่ออกไปดูแล พบว่าแผลสวยดี มีเลือดมาหล่อเลี้ยง ทำให้เป็นสีชมพู ไม่มีหนอง ไม่มีกลิ่น เวลาทำแผลเด็กให้ความร่วมมือดีมาก ไม่ร้องไห้ อาจจะขัดขืนบ้างตามประสาเด็ก แผลเริ่มดีขึ้น ส่วนที่บวมยุบแล้ว คาดว่าน่าจะหายได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ น่าจะไม่เป็นแผลเป็น ”