ผู้ว่าอุดรฯรับนั่ง ปธ.มูลนิธิกรมหลวงประจักษ์ฯ นำทีม“อนุรักษ์สถาปัตยกรรมวังตรอกสาเกจำลอง” เบื้องต้นเสนอพื้นที่ 2 แห่ง พระตำหนักหนองประจักษ์ และบ้านพักแขวงการทางอุดร
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 ที่ห้องพระยาศรีสุริยราชวรานุวัตต์ ชั้น 3 อาคาร 1 ศาลากลาง จ.อุดรธานี มูลนิธิกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม จัดให้มีการประชุมโครงการ “อนุรักษ์สถาปัตยกรรมวังตรอกสาเกจำลอง” เป็นการประชุมครั้งที่ 1 เชิญนายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี เป็นประธานที่ประชุม แล้วเรียนเชิญท่านผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี รับตำแหน่งประธานมูลนิธิกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ตามประเพณีนิยมที่เชิญให้ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี ปัจจุบันรับแหน่ง ซึ่งที่ประชุมมีนายกอบเกียรติ กาญจนะ อดีตรองผู้การ จ.อุดรธานี แล้วเป็นรองประธานมูลนิธิกรมหลวงประจักษ์ฯ นำคณะกรรมการมูลนิธิฯ ตัวแทนกลุ่มธุรกิจศรีไทยใหม่ สถาปนิกอิสระ รวมทั้งจิตอาสาอุดรธานี
นายกอบเกียรติ กาญจนะ อดีตรองผู้การ จ.อุดรธานี รองประธานมูลนิธิกรมหลวงประจักษ์ฯ ได้รายงานต่อที่ประชุมว่า วังตรอกสาเกสร้างขึ้นมาตั้งแต่รัชกาลที่ 4 ในหลวงรัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานให้กรมหลวงประจักษ์ฯ และได้พำนักอยู่จนสิ้นพระชนม์ชีพที่นี่ เวลาผ่านล่วงเลยมานานสภาพทรุดโทรม ขณะที่วังตรอกสาเกอยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ ที่กำหนดให้ทำการรื้อย้ายออก นำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ขณะมีการประมูลรื้อย้ายวัง กลุ่มธุรกิจศรีไทยใหม่อุดรธานี ไปพบและได้ซื้อสิทธิไม้ที่ถูกรื้อออก จึงหารือมายังนายอำนาจ ผการัตน์ อดีต ผวจ.อุดรธานี และวัดป่าบ้านตาด ทำการรื้อย้ายวังตรอกสาเกอย่างประณีต เพื่ออนำกลับมาสร้างที่อุดรธานีอีกครั้ง จึงขอให้ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี มาเป็นผู้นำในโครงการนี้
นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี กล่าวว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะทำโครงการนี้ โดยถือว่าโครงการนี้เป็นงานสำคัญของทุกภาคส่วน ขอให้ทุกภาคส่วนถือเทียบเท่ากับภารกิจหลัก ขอให้ทุกภาคส่วนปรับฟังก์ชันของตัวเอง ให้เข้ากับโครงการนี้ โครงสร้างก็อาจจะมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแต่ละฝ่าย ลงไปติดตามเรื่องตามเป้าหมายที่ได้กำหนด และจะจัดให้มีการประชุมกันเดือนละหนึ่งครั้ง เพื่อติดตามความคืบหน้า พร้อมกับรับข้อสั่งการไปดำเนินการ พร้อมกับสรุปการประชุมแต่ละครั้ง รายงานไปยังท่านพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ซึ่งท่านเป็นหลานของพลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
ที่ประชุมสรุปด้วยว่า รูปแบบการร่วมทำงาน ระหว่างภาครัฐกับมูลนิธิกรมหลวงประจักษ์ วัดป่าบ้านตาด และหน่วยงานเอกชนอื่น จะเป็นรูปแบบเดียวกันกับการทำงานสร้าง พิพิธภัณฑ์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ได้มีการยึดเอาระเบียบของสำนักนายกฯบางส่วน มาใช้ในการปฏิบัติโดยมีเป้าหมายก็คือ “ 100 ปี จะพากรมประจักษ์ฯกลับมาที่บ้านหมากแข้ง “ มีการกำหนดทามไลน์เอาไว้แบบคร่าวๆว่า ภายในวันที่ 5 เมษายนนี้ ซึ่งตรงกับวันประสูติของกรมประจักษ์ฯ จะประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เพื่อก่อสร้าง พร้อมกับทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลพร้อมกัน โดยคาดว่าการก่อสร้างจะใช้เวลาราว 1 ปีเศษ ให้สามารถเปิดให้ผู้คนเข้าชม ก่อนเปิดงานมหกรรมพืชสวนโลกอุดรธานี
คณะกรรมการฯได้นำเสนอพื้นที่สร้าง “วังตรอกสาเกจำลอง” พร้อมร่างผังพื้นที่รวม 2 แห่ง แห่งแรกคือในพื้นที่ของพระตำหนักหนองประจักษ์ ถ.ศุภกิจจรรยา ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมดรวม 11 ไร่ แห่งที่สองก็คือบริเวณบ้านพักแขวงการทางอุดรธานี ถ.โพธิ์ศรี พื้นที่ราว 4 ไร่เศษ ซึ่งธนารักษ์ จ.อุดรธานี ได้แจ้งให้ทราบถึงกระบวนการ การขอใช้พื้นที่จะต้องดำเนินการขั้นตอนอย่างไร ขณะที่คณะทำงานที่อยู่ร่วมการประชุม ได้เสนอความคิดเห็นทั้งจุดเด่นจุดด้อยของแต่ละพื้นที่ ที่ประชุมสรุปว่าจะดำเนินการในสองพื้นที่พร้อมๆกัน โดยกำหนดทางเลือกแรก เป็นพื้นที่ของบ้านพักแขวงทางหลวงอุดรธานี ส่วนทางเลือกที่สอง คือพระตำหนักหนองประจักษ์ฯ ซึ่งทั้งสองจุดจะหารือไปยังท่านพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เมื่อได้สถานที่ก่อสร้างจะต้อง ออกแบบผังโครงการ และรับฟังความคิดเห็น ….