สังคมปัจจุบันห่วงใยว่า “หนุ่ม-สาว” จะทิ้งเลือกสวนไร่นา เข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรม และภาคบริการ จนทำให้ภาคการเกษตร จะเหลือเพียงผู้สูงอายุ แต่ที่อุดรธานีได้บ่มเพาะกลุ่ม “เกษตรกรรุ่นใหม่ ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์” (Young Smart Farmer) นำความรู้ใช้ควบคู่ไปกับเทคโนโลยี เกิดเป็นนวัตกรรมการเกษตรใหม่ๆ ใช้การตลาดนำการผลิต และช่วยกันประคับประคอง ยกมาตรฐานการผลิตสู่ตลาดใหม่ๆ
ริมคลองส่งน้ำ R3 จากอ่างฯห้วยหลวง เลขที่ 86/1 ม.3 บ.ดงหมากหลอด ต.เมืองเพีย อ.กุดจับ จ.อุดรธานี เป็นที่ตั้งของ “MJ FARM” ของเกษตรกรต้นแบบ นายพินิจ สาลีอาจ อายุ 32 ปี บัณฑิต สาขาพืชสวน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้รับการยกเป็นเป็นศูนย์การเรียนรู้การเกษตรผสมผสาน ของอำเภอกุด จ.อุดรธานี บนพื้นที่กว่า 20 ไร่เศษ ได้ทำการเกษตรแบบผสมผสาน จัดแบ่งแปลงพื้นที่เป็น นาข้าว (นาปี-นาปรัง) , นาบัว , สระน้ำ , บ่อปลา , โรงเรือนปลูก (มะเขือเทศเชอรี่และอื่นๆ) , แปลงผักสวนครัวนานาชนิดตามฤดูกาล , ควายสวยงาม , พืชสวนหลายชนิด และและแปลงปลูก “ฝรั่งกิมจู” 3 ไร่ อายุ 1-3 ปี
พบกับ นายพินิจ สาลีอาจ หรือแจ็ค ที่อาคารศูนย์การเรียนรู้ฯ ตั้งอยู่ริมสระน้ำ ไว้รองรับเกษตรกรมาเยี่ยมเยือน อีกทั้งใช้เป็นศูนย์ฯดูแลจัดการพื้นที่ อธิบายภาพรวมจัดการพื้นที่ว่า พื้นที่อยู่ในเขตชลประทาน มีคลองส่งน้ำผ่าน 2 ด้าน แต่ “MJ FARM” เอาน้ำเข้ามาลงที่แปลงนาบัวก่อน จากนั้นระบายไปลงสระน้ำ และบ่อปลา ก่อนนำน้ำมาใช้ทำเกษตรตลอดปี ด้วยการนำอุปกรณ์ และเครื่องจักรต่างๆมาใช้ ขณะแรงงานลงมือเอง จะจ้างรายวันบางครั้งเท่านั้น จากนั้น “แจ็ค” พาไปชมสวนที่สร้างรายได้ โดยเฉพาะสวนฝรั่งกิมจู ที่ถือเป็นรายได้หลักของสวน 3 แปลง รวม 3 ไร่ แต่เป็นอายุ 1 ปี 2 ปี และ 3 ปี และกำลังเตรียมดินปลูกเพิ่มอีก 1 ไร่
นายพินิจ สาลีอาจ หรือแจ็ค เล่าว่า เกิดและโตมากับที่ดินแปลงนี้ ตอนนั้นปลูกข้าวทำนา ทำเกษตรแบบเชิงเดี่ยว และเลี้ยงหมู ตอนเรียนอยู่มัธยมปลาย ก็มาช่วยงานไม่ไปเที่ยวเล่น จนตั้งใจจะเรียนต่อ ม.แม่โจ้ จึงต้องขยันให้ได้คะแนนดี จนได้รับโควตาไปเรียนต่อ และฝึกงานบริษัทจัดสวนที่โคราช เรียนจบปี 59 รับปริญญาปี 60 จบแล้วก็กลับมาทำบ้านตัวเอง เริ่มจากงานที่ทำอยู่ก่อนแล้ว ไม่นานก็เลิกเลี้ยงหมู เริ่มเปลี่ยนจากเกษตรเชิงเดี่ยว มาทำเกษตรผสมผสาน ปลูกผักตามฤดูกาล ผักสวนครัว แบบปลอดสาร เด่นที่สุดก็คือ “มะเขือเทศเชอรี่” ขาย กก.ละ 100 บาท ตอนนั้นยังไม่มีคนรู้จัก ตอนนี้ก็ยังคงปลูกขายอยู่ และไปเอาพันธุ์ฝรั่งกิมจู มาจากสวนแม่ยาย มาทดลองปลูกได้ผลดี ขยายปลูกเพิ่มปีละ 1 ไร่ ถือเป็นรายได้หลักของฟาร์ม
“ ผมไปเข้ากลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ ยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ จ.อุดรธานี กลุ่มฯช่วยเหลือประคับประคองกัน จน MJ FARM ได้รับการรับรองเป็นเกษตรปลอดภัย หรือ GAP และยังมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้งเทคโนโลยีรวมไปถึงนวัตกรรม ให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และปลอดภัย โรงบรรจุแพคเก็ตมาตรฐาน ตลอดจนการวิเคราะห์การตลาดนำการผลิต กลุ่มฯได้ร่วมกันหาช่องทางตลาด ล่าสุดรวมตัวกันตั้งสหกรณ์เกษตรกรรุ่นใหม่อุดรธานี จก. เพื่อเป็นผู้รวบรวมผลผลิต ทำสัญญาขายให้ห้างสรรพสินค้า ขณะนี้ส่งสินค้ารับรอง GAP ได้แล้ว อาทิ กล้วยหอมทอง , ฝรั่งกินจู , ผักนานาชนิด , ข้าวอินทรีย์ , ข้าวญี่ปุ่น และกบชำแหละ รายการสินค้าอื่นๆกำลังตามมา ทำให้มีตลาดใหม่เกิดขึ้นอีก ”
นายพินิจ สาลีอาจ หรือแจ็ค เล่าต่อว่า “MJ FARM” มีช่องทางการขายหน้าสวน ตลาดนัดสินค้าสปลอดภัย 2 แห่ง และห้างฯโกโฮเซลล์ ด้วยคำสั่งซื้อผ่านโทรศัพท์ และออนไลน์ อาทิ ฝรั่งกิมจู 3 ไร่ ผลผลิตสัปดาห์ละ 100 กก. หน้าสวน กก.ละ 35 บาท หรือ 3 กก.ร้อย , ขายหน้า สนง.สาธารณสุข จ.อุดรธานี กก.ละ 40 บาท และฝรั่งกิมจูคัดพิเศษให้โกโฮเซลล์ กก.ละ 48 บาท ปีนี้จะเริ่มพื้นรที่อีก 1 ไร่ และจะไม่ปลูกเพิ่มอีก จะทำเท่าที่กำลังทำได้ แต่พร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ ให้เกษตรกรที่สนใจปลูก มีพื้นที่เพียง 1 ไร่ก็สร้างรายได้ โดยฝรั่งกิมจูปลูกได้ดีที่อีสาน รสชาติไม่ต่างจากแหล่งปลูกภาคอื่น ขอให้มีแหล่งน้ำสมบูรณ์ และเกษตรกรมีความตั้งใจจริง
ส่วนจุดเด่นก็คือ “สดใหม่กว่า” เก็บผลผลิตตอนเย็น ส่งขายในตอนเช้าทันที ….
