เมื่อเวลา 07.18 น. วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 พ.ต.อ.ประลอง พรหมศร ผกก.สภ.นายูง ได้รับแจ้งจากนายทองคำ กองพิลา กำนัน ต.นาแค ว่านายวิรัตน์ ชัยมีเขียว หรือวี อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 บ.โนนศิลา ม.6 ต.นาแค อ.นายูง จ.อุดรธานี ติดต่อขอมอบตัวเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองยาว ยิงคนเสียชีวิตภายในสวนยาง ท้ายหมู่บ้าน บ้านวังแข้ ม.3 ต.นาแค อ.นายูง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้ง พ.ต.ต.สมิง โถทอง สว.สอบสวน สภ.นายูง พร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.นายูง อาสากู้ภัยฯ รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นสวนยางอยู่บนเนินเขา พบศพนายสุวัตรชัย บัวลาภ หรือเฟรม อายุ 25 ปี ราษฎรบ้านเดียวกัน ถูกยิงด้วยกระสุนลูกปรายเข้าที่ศีรษะหลายแผล กระสุนฝังใน นอนหงายสวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวลายพราง รองเท้าแตะสีเขียว ใกล้กับมือข้างขวา พบมีดกรีดยาง และไฟส่องสว่างคาดศีรษะตกอยู่ นอนเสียชีวิตในสวนยางตนเอง ซึ่งติดกับสวนยางผู้ต้องหา เบื้องต้นได้นำศพไปเก็บรักษาไว้ที่ รพ.นายูง ส่วนผู้ต้องหาญาติได้นำตัวพร้อมปืนลูกซองยาว และปลอกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 1 ปลอก เข้ามอบตัวที่โรงพัก
สอบสวนทราบว่า นายวีฯและนายเฟรมฯมีสวนยางติดกัน เวลา 05.00 น. นายวีฯอ้างว่าได้ยินเสียงสุนัขเห่า นายวีฯจึงถือปืนออกมาดู คิดว่าอาจจะมีคนร้ายมาขโมยขี้ยาง จากนั้นได้ยิงปืนออกไปตามเสียงสุนัข 1 นัด เมื่อเสียงเงียบลงจึงออกไปดู พบร่างนายเฟรมฯนอนเสียชีวิต รอจน 06.20 น. นายวีฯจึงโทรไปบอกญาติ และโทรแจ้งกำนัน แล้วให้ญาติพาเข้ามอบตัว
พนักงานสอบสวนได้เชิญนางตา ป้องพา อายุ 62 ปี น.ส.เดือนเพ็ญ สมบุตร หรือแนน อายุ 20 ปี ยายและภรรยาผู้เสียชีวิต มาทำการสอบปากคำ โดยมีญาติทั้งสองครอบครัวเดินทางมา และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่งนางประสิทธิ์ พันธลิท อายุ 45 ปี น้องสาวนายวีฯผู้ต้องหา ได้เข้าไปพูดคุยกับนางตาฯ เพื่อขอโทษและพยายามจูงมือนางตาฯเข้าไปคุยกับนายวีฯ แต่ครอบครัวนายเฟรมฯได้ห้าม อ้างว่าจะรีบกลับบ้านไปจัดเตรียมงานศพ และขอให้ดำเนินคดีไปตามขั้นตอน
ต่อมาเวลา 13.30 น. ยายและภรรยานายเฟรม ได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ห่างจากกระท่อมของนายฯวี 30 ม. ห่างจากกระท่อมนายเฟรม 200 ม. ญาติได้จัดขันธ์ 5 ดอกไม้ ธูป เทียน เชิญดวงวิญญาณนายเฟรมฯกลับบ้าน ที่บ้านเลขที่ 116 ม.6 ต.นาแค อ.นายูง จ.อุดรธานี สถานที่ตั้งศพและจัดพิธีบำเพ็ญกุศล เบื้องต้นยังไม่ได้กำหนดวันฌาปนกิจ เนื่องจากต้องรอแม่กลับจากทำงานที่ประเทศมาเลเซียก่อน
นางตา ยายนายเฟรม เล่าว่า ผู้ตายเป็นลูกชายของลูกสาวตน พ่อแม่นายเฟรมแยกทางกันตั้งแต่ยังเล็ก แม่เขาไปทำงานต่างประเทศ ตนเลี้ยงเขาเหมือนลูก บ้านตนมีสวนยาง 30 ไร่ แบ่งสวนยางให้หลานกรีด 3 ไร่ ซึ่งติดกับที่ดินของนายวี ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันเลย ยังไม่รู้สาเหตุที่เกิดขึ้น เสียใจมากที่หลานต้องมาตาย เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด มีอะไรก็ไม่ค่อยบอกใคร ทุกวันหลานจะออกไปกรีดยางตี 1 ตี 2 กลับอีกทีก็ตอนเช้า ไม่เชื่อว่าเป็นการยิงขู่คนร้ายตามที่อ้าง แต่ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
น.ส.แนน เล่าว่า เพิ่งอยู่กินกับนายเฟรมได้ 7 เดือน ยังไม่มีลูกด้วยกัน แต่นายเฟรมมีลูกติดเป็นผู้ชาย 1 คน อายุ 2 ขวบ อยู่กับภรรยาเก่า ปกติจะออกไปกรีดยางกับสามีทุกวัน แต่เมื่อคืนสามีให้รออยู่บ้าน รู้ว่าสามีถูกยิงตายประมาณ 7 โมงเช้า เสียใจมากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น สามีเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูด มีปัญหาอะไรก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง ส่วนคนยิงตนไม่รู้จัก ไม่เคยคุยด้วย ไม่รู้ว่าเขามายิงสามีตนทำไม หากย้อนเวลาได้ตนจะไม่ให้สามีออกไปกรีดยางในคืนนั้น
นางประสิทธิ์ฯ น้องสาวผู้ต้องหา เล่าว่า พี่ชายโทรบอกว่ายิงคนตาย พี่ชายเอาแต่เงียบไม่ได้บอกเหตุผล พี่ชายเป็นคนร่าเริง เป็นคนตลก เป็นโสด ไม่มีครอบครัว อาศัยอยูกระท่อมสวนยางมานานกว่า 20 ปีแล้ว เป็นคนธรรมมะธรรมโม ทุกวันพระจะเข้ามาสวดมนต์ในหมู่บ้าน ทั้งสองไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน อยากขอโทษครอบครัวคนตาย เพราะที่ผ่านมาก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน มีอะไรก็ดูแลกัน แบ่งกันกินแบ่งกันใช้มาตลอด…