ทน.อุดรฯกู้198ล้านยังฝุ่นตลบ นายกฯขอย้ายไฟไฮส์แมส 9 ต้น ออกจากเขตทางหลวงมาในนครอุดรฯ กลุ่มนครหมากแข้งยก 6 เหตุผลทักท้วง นายกฯยันทำถูกต้องชี้แจงหมดแล้ว ไม่เปิดรายละเอียดให้รอ ทีโออาร์. ถูกที่เด็ดสวนกลับพิกัดเสาผิด โผล่ไปไกลที่สุดถึงฟิลิปปินส์ ทำประธานสภาฯพักประชุม ก่อนกลับมารับผิดขอแก้กลางสภา
เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลนครอุดรธานี นายไกรสิทธิ พุฒธรรม ประธานสภา ทน.อุดรธานี เป็นประธานประชุมสภา ทน.อุดรธานี สมัยวิสามัญ สมัยที่ 3 ครั้งที่ 1 ประจำปี 2566 พิจารณาญัตติของฝ่ายบริหาร ทน.อุดรธานี นำโดยนายธนดร พุทธรักษ์ นายก ทน.อุดรธานี พร้อมคณะ 6 ญัตติ ลำดับที่ 110-115 โดยมีญัตติที่น่าสนใจ คือ ญัตติที่ 111 , 114 และ 115 ขณะมีตัวแทนผู้นำชุมชน มาร่วมประชุมเป็นครั้งแรก รวมทั้งจะมีการถ่ายทอดสัญญาออนไลน์
โดยญัตติที่ 111 ให้ใช้เงินสะสมปรับปรุงผิวจราจร และไฟแสงสว่าง ถนน 7 สาย 68.13 ล้านบาท และญัตติที่ 115 การใช้เงินสะสม 5 ล้านบาท ติดตั้งกล้องวงจรปิด บขส.แห่งที่ 1 สภาฯเห็นชอบ 22 เสียง ไม่มีเสียงคัดค้าน แต่ญัตติ 111 สมาชิกสภาฯได้ตั้งข้อสังเกตว่า บางโครงการ อาทิ ซอยเทพบุรี และซอยศรีพินิจ ซึ่งเป็นถนนไม่กว้าง ไฟแสงสว่างเหมาะจะติดตั้งที่เสาไฟฟ้า แต่วงเงินกลับสูงมากจนน่าตกใจ
ขณะที่ญัตติที่ 114 ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงแก้ไข สถานที่ติดตั้งเสาไฟฟ้าส่องสว่าง (ไฮส์แมส) บางส่วน ตามโครงการเมืองปลอดภัย ตอนรับพืชสวนโลกของ ทน.อุดรธานี จำนวน 9 ต้น (ขอกู้เงินกองทุนส่งเสริมกิจการเทศบาล หรือ กสท.) โดยนายธนดร พุทธรักษ์ นายก ทน.อุดรธานี เสนอญัตติว่า ตามที่สภา ทน.อุดรธานี ให้ความเห็นชอบกู้เงิน กสท.198.817 ล้านบาท ดำเนินโครงการ “เมืองปลอดภัย ตอนรับพืชสวนโลก” ซึ่ง ผวจ.อุดรธานี และมหาดไทยเห็นชอบแล้วนั้น
ทน.อุดรธานี ได้ขอใช้พื้นที่จากกรมทางหลวง เพื่อติดตั้งเสาไฮส์แมสรวม 9 ต้น บนถนนนิตโย และทางหลวง 2423 ได้รับรู้ว่ามีขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งจะต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก อาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือน เกรงจะเสียเวลาที่มีอยู่จำกัด ประกอบกับการหารือกับ 105 ชุมชน ทน.อุดรธานี มีความต้องการโครงการนี้ จึงขอแก้ไขรูปแบบรายการจากจุดเดิม เข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ ทน.อุดรธานี โดยจุดที่ย้ายมาเป็นไปตามหลักวิชาการ ระเบียบปฏิบัติ และความต้องการประชาชน
ด้านสมาชิกเสียงข้างน้อย (กลุ่มนครหมากแข้ง) ได้อภิปรายแสดงความคิดเห็นและสอบถาม ไม่ว่าจะเป็น นายนัธทวัฒน์ ไกรศรีวรรธนะ , นางวราพร จันทรภักดี , ร.ต.ต.มนตรี พวงโพธิ์ , นายนิธิศ นรินทร์ , นางดารา ปิตตะกาศ ที่ระบุว่า การขอกู้เงิน 198 ล้านบาท ตั้งแต่การขอสภาฯครั้งแรก แล้วใช้เสียงข้างมากผ่านไป โดย สท.ยังไม่ได้รับรายละเอียดเลย ต่อมาได้ยื่นเรื่องขอข้อมูลไปแล้วก็ไม่ได้ ทำให้มีข้อข้องใจมากต้องถาม
สมาชิกเสียงข้างน้อย นำเสนอประเด็น 1.ญัตติขอกู้เงิน 198 ล้านครั้งแรก ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ที่ไม่ได้ผ่าน 3 วาระ , 2. ขอให้ชี้แจงหนังสือ ผวจ.สั่ง ทน.รายงานตามข้อร้องเรียน เสาไฟตามอำเภอใจ , 3.การจะย้ายเสาไฟไปตั้งที่ประตูหลัง บน.23 ประชาชนต้องการปรับแผนงาน นำงบประมาณ 8 แสนบาท มาทำไฟแสงสว่างเสา-กิ่ง-หลอด , 4.ใช้มาตรฐานใดในการพิจารณาติดตั้งเสาไฮส์แมส , 5.การลงทุนคุ้มค่าหรือไม่ เพราะเสาไฮสแมสต้นละ 750,000-800,000 บาท ขณะไฟแสงสว่างอื่นถูกกว่า เปรียบเทียบราคาเสาไฮแมส 1 ต้น จะนำไปทำเสาหลอด LED ได้ 40-50 หลอด หรือเสาหลอดโซเดี้ยม 21 หลอด , 6.พิกัดสถานที่ตั้งเสาไฮส์แมสใหม่ไม่ตรงข้อเท็จจริง
นายธนดร พุทธรักษ์ นายก ทน.อุดรธานี ชี้แจงว่า เป็นการขอให้สภาฯพิจารณาขอกู้เงิน ไม่มีระเบียบจะต้องมีรายละเอียด หรือแจกแจงรายการ ที่ผ่านมาผู้บริหาร ทน.อุดรธานี ในอดีตก็ทำแบบนี้ ยืนยันจะไม่เปิดเผยรายละเอียด จนกว่าจะมีการพิจารณา ทีโออาร์. ซึ่งเป็นข้อมูลเปิดเผยอยู่แล้ว ซึ่งประชาชนต้องการเร่งให้ไปติดตั้งเร็วๆ ทั้งนี้ไฟแสงสว่างในชุมชน จะต้องมีมาตรฐานสูงกว่าไฟของทางหลวง หรือยิ่งสว่างก็ยิ่งดี โดยตนเองชี้แจงมามากแล้ว จะขอปิดการอภิปราย จะไม่ขอตอบคำถาม ทั้งหมดทำตามหลักการ พร้อมแจ้งให้ประธานชุมชนที่มาสังเกตการณ์ จดจำการอภิปรายและการยกมือของ สท.ครั้งนี้ไว้
นายนัธทวัฒน์ ไกรศรีวรรธนะ สท.นครอุดรธานี ได้อภิปรายเพิ่มเติมว่า มีข้อผิดพลาดในสาระสำคัญ คือพิกัดสถานที่ตั้งเสาไฮส์แมส หากสภาฯผ่านเรื่องนี้ไปก็จะต้องกลับมาแก้ไขในสภาฯอีก อาทิ เสาที่ 50 พิกัดอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์ , เสาที่ 51 พิกัดอยู่ที่ไร่มันใน อ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู , เสาที่ 52 พิกัดซ้ำกับเสาที่ 57 , เสาที่ 54 พิกัดอยู่ที่ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู , เสาที่ 55 พิกัดอยู่วงเวียนหนองประจักษ์ และเสาที่ 56 พิกัดอยูที่บ้านพักสาธารณสุข
ทำให้นายไกรสิทธิ พุฒธรรม ประธานสภา ทน.อุดรธานี ขอพักการประชุมสภาฯชั่วคราว 1 ชม. เพื่อให้เวลาตรวจสอบและพิจารณาแก้ไข ซึ่งเมื่อกลับมาประชุมใหม่ นายธนดรฯ นายก ทน.อุดรธานี ได้ขอแก้ไขรายละเอียดญัตติ ประธานสภาฯให้แก้ไขด้วยวาจากลางสภาฯ ก่อนที่จะขอมติในญัตติดังกลาง ซึ่งผลออกมา 11 เสียง ต่อ 11 เสียง เพราะเสียงฝ่ายบริหารขาดไป 1 เสียง เนื่องจากนายปรีชาพล คนยัง ลาป่วย ต้องใช้เสียงจากประธานสภาฯตัดสิน ซึ่งนายไกรสิทธิ ก็ยกมือให้ฝ่ายบริหารผ่านญัตตินี้ไป…..