เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ขณะที่ พ.ต.ท.บำรุง แนบชิดชัย รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ปฎิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก มี น.ส.กิตติวรา จันทาคีรี อายุ 44 ปี และ น.ส.ชนกชนม์ ผิวคำ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 13 ต.บ้านผือ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี แจ้งว่า โดน น.ส.ชุติญา ผิวผ่อง ชาวบ้านโนนดู่ ต.โนนทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี หลอกว่าสามารถพาไปทำงานประเทศสวีเดนได้ โดยเสียค่าดำเนินการคนละ 8 หมื่นบาท แต่สุดท้ายไม่ได้ไป และไม่คืนเงิน จึงมาแจ้งความดำเนินคดีจนถึงที่สุด
น.ส.กิตติวรา เล่าว่า ตนเคยเดินทางไปทำงานประเทศไต้หวัน 15 ปี กระทั่งอายุเกินและหมดโควต้าเดินทางไปทำงาน จึงอยู่บ้านทำไร่ทำนา เมื่อเดือนมิถุนายน 2565 ได้มีเพื่อนในหมู่บ้านโนนดู่ มาเล่าให้ฟังว่า จะเดินทางไปทำงานโรงงานที่ประเทศสวีเดน โดยสมัครกับ น.ส.ชุติญา ซึ่งมีสามีเป็นชาวสวีเดน และทำงานเป็นวิศวกรโรงงาน และจะต้องเสียค่าดำเนินการ 8 หมื่นบาท มีคนสนใจมาสมัครไปทำงานด้วยจำนวนมาก ตนอยากไปจึงชวน น.ส.ชนกชนม์ หลานสาวโทรศัพท์ติดต่อไปยัง น.ส.ชุติญา ซึ่งมีบ้านอยู่กรุงเทพฯ ขอสมัครไปทำงานสวีเดนด้วย ซึ่ง น.ส.ชุติญา ให้พวกตนโอนเงินค่าดำเนินการ 8 หมื่นบาท ผ่านบัญชีธนาคารของนางปราณี ซึ่งเป็นญาติ
ตนไม่มีเงินสด จึงนำโฉนดที่ดินไปจำนองกับนายทุน 8 หมื่นบาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน ตนโอนเงินไปให้ น.ส.ชุติญา ผ่านบัญชีธนาคารของ นางปราณี ครั้งละ 4 หมื่นบาท 2 ครั้ง คือวันที่ 20 มิถุนายน และวันที่ 22 มิถุนายน 2565 แถมยังชวนสามีสมัครไปสวีเดนด้วย สรุปว่าตนโอนเงินไป 1.6 แสนบาท หลังจากนั้น น.ส.ชุติญา ได้โทรมานัดเดินทางครั้งแรก วันที่ 4 ตุลาคม 2565 ตนก็จัดกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางไปทำงาน แต่สุดท้ายก็โทรว่าเลื่อนการเดินทางเพราะเอกสารไม่เสร็จ นัดครั้งที่ 2 เดินทางวันที่ 25 พฤศจิกายน แต่ก็เลื่อนอีกโดยอ้างว่ารอใบผ่านด่าน รอรัฐบาลใหม่ นัดครั้งที่ 3 กลางเดือนมกราคม 2566 แต่ก็ไม่ได้ไปอีก
“เมื่อโทรศัพท์สอบถาม น.ส.ชุติญา ก็ให้คำตอบไม่ได้ว่า จะได้เดินทางไปทำงานสวีเดนวันไหน และยังทราบอีกว่า มีแรงงาน 18 คนที่โดนหลอกไปลอยแพที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตนจึงโทรไปบอกว่าจะถอนใบสมัคร และขอเงินคืน ซึ่ง น.ส.ชุติมา ก็ตอบมาว่า ถอนใบสมัครคืนได้ แต่ไม่มีเงินคืนให้ จึงคิดว่าโดน น.ส.ชุติญาหลอกแน่นอน จึงไปแจ้งความดำเนินคดี และอยากฝากถึง น.ส.ชุติญาว่า ตนไปกู้ยืมเงินมา และต้องเสียดอกเบี้ยทุกเดือน อยากให้เอาเงินมาคืนตนด้วย”
ส่วน น.ส.ชนกชนม์ ผิวคำ อายุ 19 ปี เล่าว่า ตนเรียนจบชั้น ม.6 และยังไม่ได้เรียนต่อ พอดีมีชาวบ้านมาบอกว่า จะเดินทางไปทำงานโรงงานแอปเปิ้ล ที่ประเทศสวีเดน ต้องเสียค่าดำเนินการ 8 หมื่นบาท ซึ่งตนได้อยากไปทำงานมากกว่าเรียน จึงขอแม่ไปทำงาน โดยเอาสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทไปขาย เงินเก็บ และเงินแม่บางส่วน โอนผ่านบัญชี นางปราณี ไปให้ น.ส.ชุติญา เสร็จแล้วตนเดินทางไปพบ น.ส.ชุติญา เพื่อทำสัญญาจ้างงาน ซึ่งมีเพียงกระดาษ 3 แผ่น ให้ตนเซ็นชื่อแบบรีบเร่ง ทำให้ไม่ได้อ่านข้อความสัญญา เสร็จแล้วรีบเก็บ ซึ่ง น.ส.ชุติญา ก็นัดเดินทาง แต่ก็ผิดนัดถึง 3 ครั้ง
น.ส.ชนกชนม์ เล่าต่อว่า พอตนเข้าไปส่องเฟซบุ๊กของ น.ส.ชุติญา ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า “Jasmie” พบว่า น.ส.ชุติญา เที่ยวกินแบบหรูหรา ใช้เงินฟุ่มเฟือยมาก จึงให้แม่โทรไปหา ซึ่ง น.ส.ชุติญา ก็ยอมรับกับแม่ตนว่า รับสมัครคนไปทำงานโรงงานในสวีเดนจริง แต่ตอนนี้ยังเดินทางไปไม่ได้ เพราะตรวจเอกสารยังไม่ผ่าน พอมีเงินเข้าบัญชีมากๆ ทำให้หลงตัวเอง ใช้จ่ายเงินจำนวนมากในการเที่ยวเตร่ จนเงินหมด ไม่มีเงินคืนให้คนสมัคร และยังท้าให้ไปแจ้งตำรวจ ส่วนตนโอนเงินผ่านบัญชีนางปราณี ซึ่ง น.ส.ชุติญา ก็บอกว่า นางปราณีก็โอนเงินมาให้ แต่ก็โอนค่าหัวกลับไปให้นางปราณีหัวละ 2 หมื่นบาท นั่นก็แสดงว่า นางปราณีก็อยู่ร่วมในขบวนการตุ๋นแรงงานด้วย”
น.ส.ชนกชนม์ เล่าอีกว่า มีผู้เสียหายถูกลอยแพที่สนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางไปแจ้งความที่ สน.ลาดกระบัง กทม. ก็พบว่ามีผู้เสียหายอยู่ทั่วประเทศ อุดรธานี ขอนแก่น ลำปาง พิษณุโลก อุบลราชธานี หนองบัวลำภู และอุทัยธานี นับร้อยราย ซึ่งตำรวจได้ยึดกระเป๋าถือ น.ส.ชุติญา ที่ถูกทิ้งไว้ในสนามบินสุวรรณภูมิ มาให้พวกตนดู พบหนังสือเดินทางของแรงงานจำนวนมาก ตนและแรงงานที่ถูกลอยแพ ได้ไปแจ้งความที่กองปราบ ซึ่งตำรวจได้แนะนำให้ตนมาแจ้งความที่โรงพักเกิดเหตุ ตนจึงเดินทางกลับมาแจ้งความที่ สภ.บ้านผือ ซึ่งในเขต อ.บ้านผือ น่าจะมีผู้เสียหายประมาณ 30 คน
“ฝากถึง น.ส.ชุติญา ว่า อยากได้เงินคืน เพราะเป็นเงินจากน้ำพักน้ำแรง ถ้านำเงินมาคืนก็จะไม่ติดใจเอาความ และฝากคนที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ให้ตรวจสอบให้ดี สมัครกับจัดหางานจังหวัด ให้ไปอย่างถูกต้อง จะดีที่สุด”
ด้าน พ.ต.ท.บำรุง แนบชิดชัย รอง ผกก.สอบสวน สภ.บ้านผือ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้เสียหาย มาแจ้งความว่าถูก น.ส.ชุติญา หลอกไปทำงานประเทศสวีเดน แต่ไม่ได้ไปแล้ว 10 คน ซึ่งน่าจะมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะเข้าข่ายความผิดหลอกลวงประชาชน และจะได้ประสานไปยังจัดหางานจังหวัดอุดรธานี ให้ตรวจสอบว่า น.ส.ชุติญา มีใบอนุญาตจัดหางาน หรือไม่ เพื่อดำเนินการทางกฎหมาย ต่อไป