เกิดเรื่องอลเวงขึ้นอีกครั้งที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี หลังจากเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา มีหญิงสาวชาว จ.บุรีรัมย์ อายุ 32 ปี ขึ้นโรงพักแจ้งความว่า หนุ่มอายุ 25 ปี ชาว อ.บ้านดุง ผู้ชายที่ตนเองซื้อบริการทางเพศ ให้ที่อยู่หลับนอน เข้านอกออกในภายในบ้านได้ เข้ามาขโมยโทรศัพท์มือถือ แหวนทองคำ สร้อยข้อมือทองคำ พร้อมกับถูกขู่ฆ่ามาแล้วหลายครั้ง และทำร้ายสุนัขที่เลี้ยงไว้จนตาย ล่าสุดตำรวจ สภ.บ้านดุง นัดหมายให้คู่กรณีทั้ง 2 มาตกลงกันที่โรงพัก หลังทราบว่าชายหญิงดังกล่าวแต่งงานกัน แต่มีเรื่องไม่เข้าใจกัน ต่างฝ่ายต่างอ้างเหตุผล ก่อนจบลงด้วยตกลงกันว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวต่อกันอีก
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 10 มกราคม 2566 ที่ สภ.บ้านดุง พ.ต.ท.มงคล กางการ สว.สอบสวน สภ.บ้านดุง ได้เชิญ นส.บุ๋มบิ๋ม (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ให้มารับโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ ออปโป้ คืนจาก นายเลข (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี ชาว ต.บ้านจันทร์ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี หลังจากที่ นส.บุ๋มบิ๋ม แจ้งความไว้ว่าถูกนายเลข ขโมยเอาไป พร้อมกับ แหวนทองคำ สร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักอย่างละ 50 สต. แต่จากการสอบสวนทราบว่าทั้งคู่นั้นแต่งงานกันไปเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2566 หรือเมื่อ 10 วันที่แล้ว โดยทั้งคู่อ้างว่ามีเรื่องบาดหมางไม่เข้าใจกัน ฝ่ายหญิงอ้างว่าฝ่ายชายไม่ทำงาน เสพยาเสพติด ต้องการตีตัวออกห่างก็ถูกข่มขู่ ตามไประรานไม่ยอมเลิกรา ด้านฝ่ายชายอ้างว่า ถูกฝ่ายหญิงบังคับ ไม่เป็นตัวของเอง ยอมรับเสพยาจริง และโมโหที่ฝ่ายหญิงมีเพื่อนรุ่นน้องหลายคน ขอให้เลิกยุ่งกันแต่ฝ่ายหญิงไม่เลิก และฝ่ายหญิงเองที่เป็นฝ่ายตามระราน จนเกิดการถกเถียงกันสนั่นโรงพักของทั้งคู่
นส.บุ๋มบิ๋ม เล่าว่า เป็นชาว จ.บุรีรัมย์ ก่อนหน้ามีอาชีพขายของออนไลน์ 2 ปีก่อนได้มาไหว้ขอพรที่คำชะโนด เพื่อให้ค้าขายรุ่งเรือง เมื่อค้าขายดีขึ้นตนจึงกลับมาแก้บนที่นี่ ตนศรัทธาพ่อปู่แม่ย่าอย่างมาก มีร่างทรงบอกว่าให้เลิกค้าขายที่บ้านเกิด และให้มาตั้งตัวหาเงินที่ อ.บ้านดุงแทน ตนเองจึงมาประกอบธุรกิจด้านการจัดพิธีรำบวงสรวง มาเช่าบ้านอยู่ใน อ.บ้านดุง ธุรกิจก็เดินหน้ามาตลอด ทำให้มีงานมีเงินใช้ แต่ก็ต้องเลี้ยงดูลูกอีก 4 คน ตนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ยอมรับว่าก็มีช่วงที่เหงาบ้าง เมื่อเหงาก็จะซื้อบริการชายหนุ่มในพื้นที่ ผ่านแอพพลิเคชั่น นัดหมายกันตกลงกัน ซึ่งก็พอใจกันทั้งสองฝ่าย ตนเลี้ยงเด็กผู้ชายไว้หลายคน จนกระทั่งเมื่อกลางปีที่แล้วได้รู้จักกับนายเลข ก็พูดคุยตกลงซื้อบริการกัน และให้เข้ามาอยู่ในบ้านได้
“ กระทั่งเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจแต่งงานกันที่บ้านของนายเลข ตนเป็นคนจัดงานแต่งทั้งหมด หาเงินสินสอดไปวางไว้ 1 แสน กับทองคำ 25 บาท ที่แต่งงานกันตนมองว่า นายเลขเข้านอกออกในที่บ้านเป็นประจำ กลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดี และก็หวังว่านายเลขจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น เพราะมีพฤติกรรมเสพยาบ้า และกัญชา ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็บอกนายเลขเสมอว่า ตนเองเลี้ยงเด็กผู้ชายอีกหลายคน ตนชอบซื้อบริการผู้ชายเวลาเหงา แม้จะแต่งงานกัน แต่ก็เข้าใจกันว่าอยู่ในสถานะแบบไหน ตนมีคนเข้ามาคุยเยอะ ก็เคยบอกกันไปแล้ว เมื่อเขาทำตัวไม่ดีขึ้น ตนเองก็ต้องการแยกกันไป ไม่ให้มาอยู่กันแบบนี้อีก ซึ่งเขาก็มักจะมีการมาหึงหวง มีการอัดคลิปถือมีดข่มขู่ ซ้ำยังทำร้ายสุนัขที่เลี้ยงไว้จนตาย 1 ตัว “
นส.บุ๋มบิ๋ม เล่าทั้งน้ำตาอีกว่า ตนไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว เพราะเขาติดยาเสพติด ไม่ทำการทำงาน ตนห่วงความปลอดภัยในชีวิต เมื่อไล่ให้ออกไปจากบ้าน ก็มักจะเข้ามาขโมยข้าวของในบ้าน เวลาตนเองไล่เขาออกจากบ้านไป เขาก็จะมาฉกฉวยของมีค่าในบ้านไป เพื่อที่จะเก็บไว้เป็นตัวประกัน เขามาอยู่ในบ้านตนก็เอาเงินให้ใช้ตลอด โอนเงินให้ใช้หลายครั้ง ตอนนี้ขอเพียงไม่ยุ่งเกี่ยวต่อกันอีก อย่ามาข่มขู่ อย่ามาตอแยกัน และตนขอเงินที่โอนบางส่วนคืน เพราะโอนเงินให้ไปรวมแล้วเกือบ 1 แสนบาท และยังมีแหวนทอง หนัก 50 สต. อีกวง ส่วนสร้อยข้อมือทองคำ ตนไม่ขอคืนก็ได้
นายเลข เล่าว่า รู้จักกับฝ่ายหญิงผ่านทางโซเชียลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว มาคุยกันจริงจังเมื่อกลางปีที่ผ่านมา เขาเป็นคนขี้หึง เมื่อเห็นรูปแฟนเก่าในมือถือก็หึงหวง ชอบถามว่าขายที่นาไปแต่งงานกับคนนั้นได้ ทำไมไม่แต่งงานกับเขาบ้าง ตนบอกไปว่าตนเองไม่เงิน ที่นาก็ขายไปแล้ว จะไปหาเงินที่ไหนมาแต่ง เขาก็ดึงดันจะแต่ง ตนก็ว่าไปตามเขา ยอมรับว่ารักผู้หญิงคนนี้จึงแต่งงานด้วย แต่ที่ผ่านมาก่อนแต่งงานก็มีปัญหากันมาตลอด เขามักจะสนิทสนมกับเพื่อนชายคนอื่น แม้จะบอกว่าเป็นสาวสองหรือชายที่ตุ้งติ้ง ตนก็ไม่อยากให้คบ บอกให้เลิกพฤติกรรมนี้มาตลอด เขาบอกว่ามาซื้อบริการตน อยู่กันแบบชายขายบริการ ตนก็รู้สึกโมโหมาก
“ เวลาตนเองทำอะไรไม่ถูกใจก็มักจะไล่ตนออกจากบ้าน ชอบแจ้งตำรวจให้มาจับผัวตัวเอง ยอมรับว่าเสพยาจริง เสพกัญชาจริง แต่ก็เป็นสิ่งไม่ดีที่ตนตั้งใจจะเลิก ตนไม่เคยทำร้ายฝ่ายหญิงเลยสักครั้ง วันที่ออกมาจากบ้านล่าสุด ก่อนที่เขาจะแจ้งความ ตนนั่งเล่นเกมส์ในมือถือ ซึ่งก็เป็นมือถือเครื่องที่ถือไป ก็ยอมรับว่าเป็นมือถือของฝ่ายหญิง เมื่อเขาเริ่มบ่นเริ่มไล่ ตนก็เดินถือมือถือเล่นเกมส์เดินออกมา ตนไม่ได้หนีไปไหน ตนกลับมาอยู่บ้านตัวเอง ถอดซิมมือถือออก ใช้เพียงสัญญาณเน็ตที่บ้าน เพราะไม่อยากติดต่อกับเขาอีก วันนี้ก็มีตำรวจมาที่บ้าน ตนก็บอกไปแค่ว่าเป็นเรื่องของผัวเมีย ถามว่ายังรักฝ่ายหญิงหรือไม่ ก็ยังรักอยู่ เมียใคร ใครจะไม่รัก เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็จะมาตามกลับบ้านทุกครั้ง ถ้าวันนี้เป็นความต้องการว่าต้องการเลิกกัน ก็ตกลงตามนั้น ต่อไปก็จะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกันอีก ”
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้คู่กรณีทั้งสองฝ่าย ทำข้อตกลงห้ามยุ่งเกี่ยวต่อกันอีก ต่อหน้าพนักงานสอบสวน ส่วนฝ่ายชายได้ควบคุมตัวไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด หากพบสารเสพติดก็จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายต่อไป