จากรณีมีคนร้ายเป็นชาย 1 ราย ก่อเหตุชิงทรัพย์หญิงสาวรายหนึ่ง ได้เงินสด 120 บาท ก่อนกำลังจะลวนลาม ด้วยการขอจับหน้าอก และคนร้ายกำลังจะใช้มือล้วงเข้าไปที่เป้ากางเกง แต่มีชาวบ้านขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาพอดี คนร้ายจึงรีบขับรถจักรยานนยนต์หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา บริเวณถนนข้างคลองชลประทาน บริเวณหน้าโบสถ์คริสต์ ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี ล่าสุดตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ได้แล้ว ก่อนสารภาพก่อเหตุชิงทรัพย์จริง แต่ไม่ได้ลวนลามหญิงสาวแต่อย่างใด
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.สุรชิต ฤทธิลี รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน นำตัวนายต่าย นามสมมุติ อายุ 18 ปี ชาว ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาชิงทรัพย์ข้างคลองชลประทาน ต.บ้านเลื่อม พร้อมด้วยของกลางรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า MSX สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ มาทำการสอบสวนขยายผล โดยมีนางสาวเอ อายุ 25 ปี ชาว จ.สกลนคร ผู้เสียหาย มาชี้ตัวคนร้ายและรถจักรยานยนต์ของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุ เพื่อยืนยันว่าเป็นผู้ที่ก่อเหตุจริง หลังจากนั้น ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ได้มอบเงินรางวัลในการติดตามจับกุมคนร้าย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา
นายต่าย ให้การว่า เป็นคนก่อเหตุชิงทรัพย์จริง แต่ไม่ได้ลวนลามผู้หญิง สาเหตุที่ลงมือเพราะต้องการหาเงินไปเที่ยวงานคอนเสิร์ตหมอลำ ที่จัดอยู่ บ.ดอนอีไข ต.นาดี อ.เมืองอุดรธานี ซึ่งเพื่อนๆรออยู่ภายในงานแล้ว ตั้งใจว่าจะหาเงินไปให้ทิปหางเครื่องหมอลำ แต่ได้เงินมาเพียง 120 บาท จึงเอาไปซื้อเหล้าขาวมากินกับเพื่อนภายในงานหมอลำ ตนเองทำงานเป็นคนส่งสินค้ากับรถสิบล้อในตัวเมืองอุดรธานี เพิ่งพ้นโทษออกมาจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 3 จ.นครราชสีมา ในคดีชิงทรัพย์ที่ จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่อายุ 16 ปี ต้องโทษ 1 ปี 8 เดือน ได้ลดหย่อนโทษก่อนกำหนด และยังอยู่ระหว่างการรายงานความประพฤติ
“ตอนที่ไปก่อเหตุอยู่ จ.ชัยภูมิ ตอนนั้นตนเองไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่ไปทำงานรับจ้างในไร่มันสำปะหลัง ต้องการหาเงินใช้เช่นกัน แต่ครั้งนั้นก็ไม่ได้เงินไปซักบาท ใช้วิธีการเดียวกันคือไม่ได้ใช้อาวุธแต่ข่มขู่ว่าจะทำร้ายเท่านั้น พอพ้นโทษตนก็กลับมาอยู่ที่บ้านตัวเองที่ บ.หนองขุ่น ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมืองอุดรธานี ก่อนมาได้แฟนสาวและอาศัยอยู่บ้านแฟนสาวที่ ต.เชียงพิณ อ.เมืองอุดรธานี และเพิ่งอยู่ด้วยกันไม่ถึง 1 เดือน รถที่ใช้ก่อเหตุก็เป็นรถของแม่แฟนสาว ” นายต่ายรับสารภาพในที่สุด
นางสาวเอ เล่าว่า รู้สึกโล่งใจที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายที่มาก่อเหตุกับตน ในตอนนี้ใช้เส้นทางกลับบ้านเป็นเส้นทางใหม่ ที่ระยะไกลกว่าเดิม แต่รู้สึกอุ่นใจมากกว่า เวลากลับบ้านก็จะมีพี่ทำงานด้วยกันร่วมเดินทางขับขี่รถจักรยานยนต์กลับไปพร้อมกัน ในตอนนี้หายหวาดระแวงกลัวแล้ว สภาพจิตใจก็ดีขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า หากขี่รถจักรยานนยนต์กลับบ้านคนเดียว จะสังเกตรอบข้างให้ดี และหากต้องขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านเดียว ก็จะไม่ใช้เส้นทางที่เป็นจุดเสี่ยงด้วย ยืนยันพยายามจะลวนลามจริง เขาบอกว่าขอจับหน้าอกหน่อย และกำลังจะล้วงมือเข้าไปในกางเกง เพื่อจับของสงวน โชคดีที่มีคนผ่านมาเสียก่อน จึงยังไม่ถูกลวนลาม
พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า ตำรวจชุดสืบสวนได้สอบถามข้อมูลจากผู้เสียหาย จนกระทั่งได้ภาพผู้ก่อเหตุจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนี พฤติกรรมของคนร้ายคล้ายคลึงกับนายต่าย ที่เจ้าหน้าที่สืบสวนเคยจับกุมในคดีอนาจาร ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่ร้านคาร์แคร์ ในชุมชนหนองเหล็ก เทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานของนายต่าย และเชิญตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ชุดสืบสวน และนายต่ายได้ให้การรับสารภาพในที่สุด