เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 12 กันยายน 2565 ขณะที่ ร.ต.อ.อภิวุฒิ ลีโพนทอง รอง สว.(สอบสวน) สภ.หนองหาน ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก นายดุสิต ศรีพวง อายุ 62 ปี บ้านเลขที่ 109 ม.14 ต.นิคมหนองตาล อ.หนองหาน จ.อุดรธานี พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ สีหาโคตร อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้านนิคมหนองตาล มาแจ้งความว่านายภูวฤทธิ์ ศรีพวง อายุ 38 ปี เป็นลูกชายได้มีอาการคุ้มคลั่งใช้อาวุธปืนสั้นไม่ทราบขนาดยิงข่มขู่ขึ้นฟ้า และได้ทำร้ายร่างกายพ่อได้รับบาดเจ็บ จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานและให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกุมลูกชาย ซึ่งก่อนหน้าได้มีผู้เสียหายมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐานพร้อมภาพวงจรปิด และถ่ายคลิปเอาไว้ด้วยที่นายภูวฤทธิ์ฯ มาทำร้ายทรัพย์สินหน้าบ้านหลายครั้ง โดยอยู่บ้านข้างกันกับนายภูวฤทธิ์ฯ
นายดุสิต ศรีพวง อายุ 61 ปี เป็นพ่อหนุ่มคลั่ง ให้การว่า เมื่อคืนนี้ตนนอนอยู่ในห้องนอนชั้นล่าง ได้ยินเสียงลูกชายทำอะไรไม่รู้เสียงดังโครมคราม จากนั้นลูกชายก็ลงมาตะโกนเรียกแล้วใช้เท้าถีบประตู ตนได้พูดกับลูกว่าทำอะไรพ่อตกใจ แต่ก็ไม่ได้เปิดประตูให้ หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงคล้ายปืนดังขึ้น 3 นัด พอเสียงเงียบไป จึงออกมาดูที่หน้าบ้าน ตอนแรกคิดว่าลูกชายจุดประทัด แต่ไม่พบเศษของประทัด จึงคิดว่าเป็นเสียงยิงปืน ก่อนรีบปั่นจักรยานไปหลบนอนที่บ้านญาติ เพราะกลัวว่าลูกชายจะกลับมาฆ่าตัวเอง
พอเช้าจึงกลับมาที่บ้าน ขณะกำลังนึ่งข้าวอยู่ ลูกชายก็บอกว่าเอาโทรศัพท์มา แล้วก็พุ่งเข้ามาแย่งเอาโทรศัพท์จากไป ยื้อแย่งกันอยู่นานจนตนล้มลงกับพื้นได้รับบาดเจ็บ แล้วลูกชายก็เอาโทรศัพท์หลบหนีออกจากบ้านไป ในใจตนกลัวว่า ถ้าลูกชายมีปืนอยู่ในตัว อาจจะควักออกมายิงตน แต่ว่าตนก็ไม่เห็นปืนอยู่กับตัวลูกชาย ตนจึงรีบมาแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ลูกชายเคยคิดคุกมาแล้ว 3 ครั้ง ล่าสุดเพิ่งพ้นคุกออกมาได้ 2 เดือน แต่ก็กลับมาก่อเหตุอาการคุ้มคลั่งอีก ตนจึงอยากให้ตำรวจจับกุมตัวไปดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ต่อมาเวลา 11.00 น.วันเดียวกันตำรวจชุดสืบสวน และตำรวจสายตรวจ สภ.หนองหาน นำกำลังออกไปตรวจสอบตามในหมู่บ้าน และสอบถามกับชาวบ้าน จนทราบเบาะแสว่านายภูวฤทธิ์ฯ มาหลบอยู่ที่บ้านเลขที่ 115 ม.14 ต.นิคมหนองตาล เจ้าหน้าที่จึงได้บุกเข้าจับกุมนายภูวฤทธิ์ฯ และตรวจค้นแต่ไม่พบอาวุธปืน จึงควบคุมตัวมาที่บ้าน 109 ม.14 ต.นิคมหนองตาล เพื่อตรวจค้นหาอาวุธปืนที่ใช้ยิงขึ้นฟ้า หลังจากนั้นก็ควบคุมตัวพร้อมกับรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียนมาที่ สภ.หนองหาน เพื่อจะได้สอบปากคำหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง
นายภูวฤทธิ์ฯ บอกว่า ตนได้ไปทุบทำร้ายทรัพย์สินของชาวบ้านนั้นมันเหมือนว่ามีวิญญาณผีมาหลอกหลอน เห็นด้วยตาตัวเองก็เห็น แล้วก็มากระซิบข้างหู ให้ตนต้องไปตามคำสั่ง ปกติตนก็เสพกัญชา และยาบ้าด้วย แต่ก็ไม่ได้เสพบ่อย จะเสพอาทิตย์ละสองครั้ง แต่กัญชาเสพทุกวัน โดยเมื่อเช้าตนได้เอาโทรศัพท์กับพ่อไป จึงทำให้พ่อล้มลง แล้วตนก็ขับรถไปเลย ซึ่งช่วงบุญข้าวสากที่ผ่านมา ตนมีความรู้สึกเหมือนกึ่งฝัน ว่ามีคนมากระซิบข้างหูสั่งให้ตนไปทำตามคำสั่งว่า “ข้าคือพระเจ้าเอ็มนะ ข้าสั่งให้เจ้าไปทำตามนี้”
“ ซึ่งอาการจะเป็นเป็นลักษณะแบบนี้ทุกครั้ง ว่ามีผีใช้ตนไปทำตามที่สั่ง มันน่ากลัว เสียงที่มากระซิบเป็นพระเจ้าจากจักรพรรดิ์เวียดนาม ซึ่งตนก็ไปทำตามที่สั่ง ถ้าไม่ไปทำ พระเจ้าก็จะฆ่าตน ตนก็รู้สึกกลัว จึงทำให้ตนร้องโวยวายเสียงดังบางครั้ง ถ้าพระเจ้าสั่งไปฆ่าพ่อ ตนคงจะทำไปแล้วเมื่อเช้านี้ แต่ตนไม่คิดที่จะฆ่า เสียงนั้นสั่งแค่ให้ตนไปเอาโทรศัพท์มา ตนจึงไปแย่งเอาโทรศัพท์กับพ่อมา แล้วก็หลบหนีไป “
นายสมบูรณ์ สีหาโคตร ผญบ.นิคมหนองตาล เปิดเผยว่า พฤติกรรมของลูกบ้านคนนี้เป็นคนก้าวร้าว ใครมองหน้าก็จะทำร้ายร่างกาย และขู่ฆ่าอย่างเดียว บางครั้งเพี้ยนหนักถึงขั้นถอดกางเกงโชว์ก้นให้ชาวบ้านดู ซึ่งมีคนมาแจ้งเมื่อคืนเวลาสองทุ่มว่า ถูกนายภูวฤทธิ์ฯ ทำร้ายร่างกาย ตนก็ได้แนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความเพื่อเอาผิด แต่ว่าผู้เสียหายไม่ไปแจ้งความ จะเรียกเอาค่าชดใช้เลย ในส่วนเรื่องที่นายดุสิตฯ พ่อของในนายภูวฤทธิ์ฯ มาบอกว่ามีอาวุธปืนตนนั้นก็ยังไม่เชื่อเท่าไหร่ และไม่อยากเดาไปว่ามีอาวุธปืนจริง แต่ถ้าเป็นมีด อาจจะมีจริง โดยนายภูวฤทธิ์ฯ เคยติดคุกแล้ว หลังจากที่ไปก่อเหตุทุบทำลายทรัพย์สินของชาวบ้าน
ตนก็เพิ่งรายงานการควบคุมความประพฤติได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็กลับมาก่อเหตุอีกครั้ง ซึ่งความรู้สึกตนกลัวว่าจะไปอาละวาดกับคนที่ไม่มีแรงต่อสู้ และกลัวบุกเข้าไปในโรงเรียนคุ้ม คลั่งทำร้ายร่างกายนักเรียนที่ไม่รู้เรื่อง ตนเลยอยากให้เจ้าหน้าที่จัดการ หรือว่าทำยังไงก็ได้ เพื่อที่คนนี้จะได้ออกไปจากชุมชน ให้ชุมชนกลับมาปลอดภัยเหมือนเดิม …….