พ่อเลี้ยงสุดทน แจ้งจับลูกชายทาสยา หลอนอาละวาดจุดไฟเผาบ้านวอดทั้งหลัง เคยก่อเหตุเผาบ้านมาแล้ว 3 ครั้ง จยย. 2 คัน และฟันคอพ่อเลี้ยงจนสาหัส ติดคุก 2 ปี 8 เดือน พ้นโทษออกมานึกว่าจะเป็นคนดี แต่สุดท้ายยังเผาบ้านที่ซุกหัวนอนซ้ำ อยากให้ตำรวจดำเนินคดีติดคุกนานๆ ไม่ต้องออกมาสร้างความเดือดร้อนอีก
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 7 มิถุนายน 2565 พ.ต.อ.กานต์ ตั้งวิจิตร ผกก.สภ.บ้านผือ จ.อุดรธานี สั่งการให้ พ.ต.ต.สุริยา โชติชัย สว.สส.สภ.บ้านผือ นำกำลังไปจับกุมนายสุนันท์ โพนทอง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 293 หมู่ 7 ต.โนนทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ผู้ต้องหา “วางเพลิงเผาทรัพย์” บ้านพ่อเลี้ยง นายสุบิน พันคำ อายุ 64 ปี เลขที่ 346 หมู่ 12 ต.หายโศก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2565 โดยจับกุมได้ที่กระท่อมนาทางทิศตะวันออกบ้านดงหวาย หมู่ 12 ต.หายโศก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี และให้การรับสารภาพว่า เป็นคนจุดไฟเผาบ้านพ่อเลี้ยงจริง ตำรวจจึงควบคุมตัวไปโรงพักทำการสอบสวน ซึ่งนายสุนันท์ ให้การวกไปวนมา พูดจายังไม่รู้เรื่อง อ้างว่ามีคนเสกหนังควายเข้าท้อง จึงต้องเผาบ้านทิ้ง เพราะบ้านมีแต่หนังควาย ตำรวจจึงนำตัวไปในห้องควบคุม เพื่อรอให้มีสติจึงจะสอบสวนปากคำอีกครั้ง
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 6 มิถุนายน 2565 พ.ต.ท.บำรุง แนบชิดชัย รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้บ้านเลขที่ 346 หมู่ 12 ต.หายโศก จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดับเพลิง อบต.หายโศก รุดไปตรวจสอบ พบไฟลุกไหม้บ้าน 2 ชั้นไม้ครึ่งปูน เจ้าหน้าที่ช่วยกันดับไฟ แต่ไฟได้ลุกไหม้วอดเสียหายทั้งหลังมูลค่าเสียหายประมาณ 1.5 แสนบาท โดยนายสุบิน พันคำ อายุ 64 ปี เจ้าของบ้านให้การว่า ตนและภรรยาออกไปทำธุระในพื้นที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ต่อมาญาติได้โทรไปแจ้งว่า ไฟไหม้บ้านตน เมื่อกลับมาก็พบนายสุนันท์ ลูกติดภรรยา นอนอยู่บนเปลในกระท่อมใกล้บ้าน พอพบเห็นตนก็รีบวิ่งหลบหนี ตนคิดว่าลูกเลี้ยงเป็นมือวางเพลิงเผาบ้านแน่นอน
นายสุบิน เล่าว่า แต่งงานอยู่กินกับนางน้ำทิพย์ซึ่งเป็นแม่ม่ายมีลูกติด 2 ตน ตั้งแต่ปี 2552 นางน้ำทิพย์มีลูกติด 2 คน คนโตเป็นผู้หญิงชื่อ น.ส.ดอกอ้อ คนเล็กคือนายสุนันท์ ซึ่งนายสุนันท์เสพติดยาบ้าตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ไม่ทำงาน ตนเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด นายสุนันท์ติดยาบ้าหนัก เคยพาไปรักษา 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ยอมกินยา จนมีอาการหลอนคุ้มคลั่งอาละวาดตลอด เคยก่อเหตุเผาบ้านตัวเองและบ้านญาติรวม 3 หลัง เผาจักรยานยนต์ 2 คัน และใช้มีดฟันคอตนจนบาดเจ็บสาหัส ตำรวจจับติดคุก 2 ปี 8 เดือน ออกมานึกว่าจะเป็นคนดี ก็กลับมาเสพยาบ้า คุ้มคลั่งอาละวาดเหมือนเดิม คนละแวกบ้านรู้กันหมด ตนต้องทนอยู่ด้วยความวาดระแวง
“ ก่อนเกิดเหตุ ตนไปบ้านเยี่ยมหลานที่ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ญาติได้โทรศัพท์ไปบอกว่านายสุนันท์ก่อเหตุเผาบ้าน ตนจึงรีบกลับมา ก็พบว่าบ้านถูกไฟเผาไหม้วอดทั้งหลังแล้ว ตนจึงตัดสินใจแจ้งตำรวจดำเนินคดีกับลูกเลี้ยงจนถึงที่สุด รู้สึกเสียใจมาก เพราะสูญเสียหมดทุกสิ่งทุกอย่างไม่เหลืออะไรแล้ว ตนรักลูกเลี้ยงทั้งสองคน เพราะตนไม่มีลูก จึงเลี้ยงลูกติดภรรยาด้วยความรัก ลูกผู้หญิงดีมาก แต่ลูกชาย ขี้เกียจ ไม่ทำงาน ตนต้องหาเลี้ยง ลูกชายเสพยาบ้าแล้วอาละวาดทำร้าย และทำลายข้าวของ ทั้งเผาบ้าน เผารถ สุดท้ายก็มาเผาบ้านตนจนไม่มีที่อยู่”
ส่วน น.ส.น้ำทิพย์ ผมพันธ์ อายุ 53 ปี แม่นายสุนันท์ มือวางเพลิง เล่าว่า ลูกชายป่วยจิตเวชมาหลายปี เคยไปรักษาที่โรงพยาบาล จ.เลย 2 ครั้ง แต่ไม่ยอมกินยา ลูกเคยก่อเหตุเผาบ้านมาแล้ว 3 หลัง แต่ทุกคนก็ไม่ดำเนินคดี แต่ครั้งนี้เป็นบ้านพ่อเลี้ยง ซึ่งวันเกิดเหตุ ลูกบอกว่าไปถางหญ้าบนคันนา แต่คงอยากเสพ แต่หาซื้อไม่ได้ จึงคุ้มคลั่งอาละวาดเผาบ้านพ่อเลี้ยงวอดทั้งหลัง หมดทุกสิ่งอย่าง พ่อเลี้ยงจึงแจ้งความดำเนินคดี
ส่วน น.ส.ดอกอ้อ โพนทอง อายุ 36 ปี พี่สาวนายสุนันท์ เล่าว่า น้องชายไม่ทำงาน เสพยาบ้าจนมีอาการหลอน พูดเพ้อเจ้อ คุ้มคลั่งอาละวาด เคยก่อเผาบ้านมา 3 ครั้ง และเผาจักรยานยนต์มาแล้ว 2 คัน โดยครั้งแรกเผาบ้านพ่อแท้ๆ ที่ตัวเองที่อาศัยอยู่วอดทั้งหลัง แต่ไม่มีใครแจ้งความดำเนินคดี แล้วได้ไปขออาศัยอยู่กระท่อมนาน้องชายพ่อ แต่ก็ก่อเหตุเผากระท่อมนาอีก ทำให้ไม่มีที่อยู่ แม่จึงรับมาอยู่ด้วย ไม่นานน้องชายคุ้มคลั่งใช้มีดฟันพ่อเลี้ยงอาการสาหัส โดนจับติดคุก 2 ปี 8 เดือน พ้นโทษออกมาแม่ได้ไปสร้างบ้านให้อยู่คนเดียว แต่ยังก่อวีรกรรมเผารถจักรยานยนต์ของตนและของแม่ รวม 2 คัน แต่แม่ก็ไม่ให้ตนแจ้งตำรวจ
“ ไม่นานก็เผาบ้านตนเองที่แม่พึ่งสร้างให้ แม่ก็ไปรับน้องชายมาอยู่ด้วย และก่อเหตุเผาบ้านพ่อเลี้ยงวอดทั้งหลัง ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ที่นอนชายเผาบ้าน พ่อเลี้ยงไม่ยอม ได้แจ้งตำรวจจับดำเนินคดี หลังจุดไฟเผาบ้านพ่อเลี้ยง ชาวบ้านได้ช่วยกันวิ่งไล่จับนายสุนันท์ ซึ่งได้หัวเราะแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าอ้อย คาดว่าขณะก่อเหตุมีอาการหลอน อยากจะให้ตำรวจไปดำเนินคดีและติดคุกนานๆ เพื่อจะไม่ต้องมาสร้างความเดือดร้อนให้ญาติพี่น้องและชาวบ้านอีก ”