จากกรณีนายวีระศักดิ์ ศิริมา อายุ 64 ปี ชาวบ้านดงวังพัง ม.5 ต.สะแบง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 ยิง นายประสิทธิ์ ศิริมา หรือสิทธิ์ อายุ 40 ปี ลูกชาย จำนวน 3 นัด เสียชีวิตอยู่บนกระท่อมนาท้ายหมู่บ้าน หลังลูกชายคุ้มคลั่งอาละวาดถือมีดพร้า และลูกดอกหน้าไม้ บุกขึ้นไปหวังทำร้ายพ่อ ทำให้พ่อต้องจำใจคว้าอาวุธปืนที่วางอยู่บนที่นอนยิงสวนไป 3 นัด เสียชีวิตคาที่ ก่อนผู้เป็นพ่อจะถือปืนไปแจ้งกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองหาน เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.35 น. วันที่ 15 พฤษภาคม 2565 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 พฤษภาคม 2565 ที่ห้องปฏิบัติหารสืบสวนสอบสวน สภ.หนองหาน พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ชวภณ จันทเมนชัย ผกก.สภ.หนองหาน พ.ต.ท.รุ่งศักดิ์ มหาปัญญาวงศ์ รอง ผกก.ป.สภ.หนองหาน พ.ต.ท.ไกรสร พาน้อย รอง ผกก.สส.สภ.หนองหาน พ.ต.ท.สุรศักดิ์ อักษรกลาง รอง ผกก.สอบสวน สภ.หนองหาน และร.ต.อ.อภิวุฒิ ลีโพนทอง รอง สว.สอบสวนฯ ร่วมกันสอบปากคำ นายวีระศักดิ์ ศิริมา อายุ 64 ปี ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นายประสิทธิ์ ศิริมา อายุ 40 ปี ลูกชายเสียชีวิตบนกระท่อมนาของตัวเอง
พร้อมของกลาง อาวุธปืนพกสั้นแบบลูกโม่ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุน 1 นัด ปลอกกระสุน 3 ปลอก หัวกระสุน 2 หัว ที่ใช้ก่อเหตุยิงลูกชายเสียชีวิต ส่วนมีดพร้า 1 เล่ม ลูกดอกหน้าไม้ 2 อัน และไม้ปลายแหลม 5 อัน ที่ผู้ตายถือขึ้นบุกไปบนกระท่อม เพื่อทำร้ายผู้ก่อเหตุคือพ่อแท้ๆของผู้ตาย จึงแจ้งข้อกล่าวหากับ นายวีระศักดิ์ ศิริมา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน” ควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม่ได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากเป็นความรุนแรงภายในครอบครัว ประกอบกับผู้ต้องหาไม่มีพฤติกรรมหลบหนี หลังเกิดเหตุตำรวจได้ให้ผู้ต้องหาชี้จุดประกอบคำรับสารภาพในเบื้องต้นแล้ว
พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า จากการสอบสวน นายวีระศักดิ์ฯ ให้การรับสารภาพว่า มีอาชีพทำนาและเลี้ยงวัว ส่วนอาวุธปืนได้นำวัวน้อยที่เลี้ยงไว้ไปแลกเปลี่ยนกับนายฮ้อย ที่มาติดต่อขอซื้อวัวกับตน ในราคา 3,000 บาท เมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อไว้รักษาทรัพย์สิน และไว้ป้องกันตัว หลังจากลูกชายมีอาการคุ้มคลั่งชอบทำร้ายร่างกายตนและภรรยามาตลอด จากการที่ลูกชายติดเสพยาบ้ามานานหลายปี และเคยถูกตำรวจควบคุมตัวไปรักษาบำบัดโรงพยาบาลธัญญารักษ์อุดรธานี มาแล้วหลายครั้ง แต่เมื่อกลับออกมาก็หันกลับไปเสพยาบ้าอีก ทำให้มีอาการหนักขึ้นกว่าเดิม เคยทำร้ายร่างกายตนโดยการพยายามหักคอ จนหมอบอกว่ากระดูกต้นคอร้าว แต่ตนก็ไม่กล้าบอกหมอว่าถูกลูกชายทำร้าย เพราะกลัวลูกชายจะมีความผิดถูกจับดำเนินคดี จึงเก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่กล้าบอกใคร
”ผู้ตายมีลูกชายหญิง 2 คน หลังจากแยกทางกับภรรยามาตั้งแต่หลานๆยังเล็ก ส่วนผู้ตายก็ไม่ทำมาหากิน มีแต่มาขอเงินพ่อแม่ไปซื้อเหล้าและยาบ้ามาเสพ เขาเป็นลูกชายคนกลาง ส่วนพี่ชายและน้องสาวไปมีครอบครัวต่างจังหวัดและไปทำงานที่ต่างประเทศ เมื่อพ่อแม่ไม่มีเงินให้ไปซื้อเหล้าและยาบ้าเสพ เขาก็จะอาละวาดคุ้มคลั่งทำร้ายร่างกาย บังคับให้ตนเองกราบเท้า และทุกครั้งก็แจ้งตำรวจมาระงับเหตุควบคุมสติอารมณ์ที่โรงพัก และส่งตัวรักษาบำบัดอาการมาตลอด รู้สึกเสียใจที่จำเป็นต้องป้องกันตัว ใช้อาวุธปืนยิงลูกชายตาย หัวอกผู้เป็นพ่อแม่รักลูกทุกคน หลังพลั้งมือยิงลูกชายตาย เมื่อคืนที่ผ่านก็ร้องให้จนไม่มีน้ำตาจะไหล และยอมรับผิดในสิ่งที่ตนเองกระทำลงไป หากตนเองไม่ตัดสินใจยิงลูก คนที่ตายก็คงเป็นตนและภรรยา และคงจะจุดไฟเผากระท่อมนาที่ตนอาศัยพร้อมกับศพของพวกตนเป็นแน่ เพราะเขาเคยขู่ว่าจะทำเอาไว้หลายครั้งแล้ว”
ส่วนนางสร้อย ศิริมา อายุ 60 ปี ภรรยาผู้ต้องหาและแม่ของผู้ตาย เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจคิดอะไรไม่ออก เมื่อคืนนี้นอนไม่หลับด้วย กระทั่งเช้าได้เอาข้าวเอาน้ำไปให้สามีที่ห้องควบคุม แต่เขากินอะไรไม่ลงเพราะลึกๆ แล้ว สามีก็เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ต่อจากนี้ต่อไปตนคงต้องรับภาวะเลี้ยงหลานตามลำพัง เพราะสามีต้องติดคุกที่ฆ่าลูกชายตนเอง เพื่อป้องกันตัว อยากบอกวงวิญญาณลุกชายให้ไปสู่สุขคติ เกิดชาติก็ให้เกิดมาเป็นลูกแม่เหมือนเดิม แต่ต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเหมือนชาตินี้อีก
”ก่อนที่จะเกิดเหตุขึ้นกับครอบครัวของตนเอง มีลางบอกเหตุล่วงหน้า เพราะตาของตนเองกระตุกมานานนับเดือน ส่วนสามีก็ตากระตุก มาราว 1 สัปดาห์เช่นกัน และไม่คิดว่าจะเป็นลางบอกเหตุไม่ดี กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์สลดในครั้งนี้ ส่วนศพลูกชายก็จะทำการฌาปนกิจศพในช่วงบ่ายวันนี้ ที่วัดป่าบ้านบ่อปัด ม.4 ต.สะแบง อ.หนองหาน”