ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 หลังมีผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ “ซี’แทน ออริจินอล” ได้โพสต์คลิปเตือนภัยจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้านญาติลงในเพจอุดรมีด่าน มีหมอลำ มีงานบุญต่างๆ บอกด้วย หลังโดนคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 30-40 ปี ขี่รถจักรยานยนต์แบบหญิงสีแดง-ดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขโมยยกเอาเหล็กยาว 6 เมตร ที่ผู้เสียหายได้เอามากั้นไม่ให้รถผ่าน
เนื่องจากพื้นคอนกรีตยังไม่เซตตัว หรือยังไม่แห้งสนิท โดยคนร้ายได้นำเหล็กแบกใส่บ่า แล้วขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี เลี้ยวเข้าไปในซอยไม่มีชื่อ ที่อยู่เยื้องกับซอยแก้วทีจุดเกิดเหตุ ม.1 บ้านเลื่อม ตงบ้านเลื่อม อ.เมืองอุดรธานี ทำให้ชาวโซเชียลแชร์คลิป และแสดงความคิดเห็นถึงความหน้าด้าน และไม่แคร์สายตาผู้คนที่ผ่านไปมา แม้แต่น้อยนิด เนื่องจากเป็นช่วงกลางวันแสกๆ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปจุดเกิดเหตุ เพื่อพบกับ นายวิชิต แก้วที อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 845/1 ม.1 ต.บ้านเลื่อม อ.เมืองอุดรธานี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพรับเหมาก่อเสร้าง ก่อนเกิดเหตุทางเทศบาลเมืองหนองสำโรง มีงบประมาณมาทำถนนคอนกรีตเสริมเหล็กภายในซอยแก้วที พอทำเสร็จใหม่ปูนยังไม่เซตตัว ตนจึงได้นำป้ายและเหล็กเส้นชนิดเหล็กกล่องขนาด 2 คูณ 4 นิ้ว ยาว 6 เมตร ราคาประมาณ 1 พันบาทเศษ มาวางขวางไว้ไม่ให้รถเข้าออก เหล็กที่วางไว้มีน้ำหนักมาก เพราะเป็นเหล็กรุ่นหนา มีน้ำหนักประมาณ 40 กิโลกรัม คาดว่าวันที่ 27 มีนาคม 2565 จะครบกำหนดวันยกเหล็กออก เพื่อเปิดทางสัญจร โดยช่วงเย็นวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา ตนกลับมาบ้านหลังเลิกงาน แต่ไม่เห็นเหล็กเส้นที่วางขวางทางเอาไว้ เลยไปสอบถามกับลูกน้องคนงานว่ามีใครยกไปไหนหรือไม่ ลูกน้องก็ไม่ใครรู้ ยืนยันว่าไม่มีใครเอาไป
”หลังจากนั้นได้เข้าไปที่บ้านที่อยู่หน้าปากซอย เพื่อเปิดกล้องวงจรปิดดู จึงมาเจอภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เวลา 09.14 น. วันที่ 26 มีนาคม 2565 พบคนร้ายเป็นชายขับรถจักรยานยนต์ พร้อมแบกเอาเหล็กเส้นที่มีขนาดหนักพาดบ่าขับหลบหนีไปหน้าตาเฉย หลังเกิดเหตุได้สอบถามคนในหมู่บ้านทราบว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนอยู่ในพื้นที่ ต.บ้านเลื่อม และให้หลานชายโพสต์คลิปเตือนภัย ยุคข้าวยากหมากแพง และช่วงนี้เหล็กมีราคาสูงขึ้น เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับชาวบ้าน ต้องระวังทรัพย์สินไว้ให้ดี ขนาดเป็นช่วงกลางวันแสกๆ แถมมีกล้องวงจรปิด และที่เกิดเหตุก็ติดกับถนนใหญ่ มีผู้คนสัญจรผ่านไปมาตลอด คนร้ายหาได้แคร์สายตา และยังกล้าลงมือก่อเหตุอย่างอุกอาจ หลังจากนี้จะไปแจ้งความที่โรงพักเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้ จะได้ไม่ไปก่อเหตุกับผู้อื่นอีกต่อไป”…..