ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2564 ว่าหลังจากการเปิดหีบอ้อย โรงงานน้ำตาลในอุดรธานี 3 โรง ผ่านมาเพียง 2 วัน ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนถนน 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 2 ราย โดยในช่วงที่ผ่านมา 4 ปี โรงงานน้ำตาล และสมาคมชาวไร่อ้อย ได้ทำบันทึกข้อตกลง หรือ MOU กับ คสช.19 ข้อ แต่มาในปีนี้ คสช.ไม่มีอำนาจมาบังคับใช้ โรงงานและชาวไร่ จึงไม่มีการนำบันทึกข้อตกลงมาใช้ ทั้งที่บางเรื่องสามารถทำได้ เกรงว่าอุบัติเหตุจะมีสถิติสูงขึ้น
รายแรก เกิดเมื่อ 18.30 น. วันที่ 8 ธันวาคม 2564 บริเวณถนนบ้านหนองผือน้อย ต.สุมเส้า อ.เพ็ญ รถปิกอัพโตโยต้าตู้ทึบสีขาว ทะเบียน 3 ณฐ-7758 กรุงเทพฯ ชนประสานงากับรถแทรคเตอร์คูโบต้า ลากสาลี่พ่วงขนผลผลิตเกษตร (เปล่า) ทำให้รถแทรคเตอร์ลากพ่วง ตกลงไปไหล่ถนนสูงราว 1 เมตร คนขับถูกรถทับเสียชีวิตทราบชื่อนายทนงศักดิ์ ศรีลา อายุ 33 ปี ราษฎร ต.สุมเส้า
ส่วนรถปิกอัพพังเสียหาย อัดก๊อปปี้คนขับติดอยู่ในรถ ทราบชื่อนายองอาจ โสมาตร อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 100/3 ต.บ้านค้อ อ.เมือง จ.ขอนแก่น อาสาสมัครกู้ภัยทางหลวง อ.บ้านดุง ต้องใช้เครื่องตัดถางมาช่วยเหลือ นำร่างออกมาจากรถ อาการบาดเจ๊บสาหัส หน่วยกู้ชีพ อบต.สุมเส้า นำส่ง รพ.เพ็ญ
รายที่สอง เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 9 ธันวาคม 2564 บริเวณถนนมิตรภาพ อุดรธานี-ขอนแก่น มุ่งหน้าไป จ.ขอนแก่น ก.ม.411-412 ตรงข้าม รง.น้ำตาลเกษตรผล และก่อนถึงยูเทิร์น บ.โคกผักหวาน ต.ห้วยเกิ้ง อ.กุมภวาปี รถปิกอัพโตโยต้าสีบรอนด์เงิน ทะเบียน 7 กฒ 3357 กรุงเทพฯ ขับขี่โดยนายณัฐพศิน สุพัธนันท์ อายุ 35 ปี กลับจากสอนหนังสือ บ.ท่าหนองเทา กำลังจะกลับ บ.หนองหญ้าลังกา ด้วยความเร็วสูงในเลนขวา มุ่งหน้าไปทาง จ.ขอนแก่น
ได้ชนท้ายรถบรรทุกอ้อย(พ่วง) อีซูซุ ทะเบียนหัว 18-9301 อุดรธานี ทะเบียนพ่วง 82-4139 อุดรธานี ขับขี่โดยนายศราวุธ ขำวาปี อายุ 33 ปี ที่ขับด้วยความเร็วต่ำจากบรรทุกอ้อยหนัก ขึ้นจากเลนซ้ายมายังเลนขวา เพื่อจะกลับรถเข้าไปส่งอ้อยยังโรงงานน้ำตาลเกษตรผล ทำให้รถปิกอัพที่วิ่งมาเลนขวา ชนเข้าด้านท้ายอย่างจัง โชเฟอร์ถูกอัดก็อปปี้ติดในรถ หน่วยกู้ภัยประชาธรรมกุมภวาปี หน่วยกู้ภัยทางหลวง นำเครื่องตัดถ่างช่วยเหลือกว่า 15 นาที มีอาการสาหัสนำส่ง รพ.ศูนย์อุดรธานี
รายที่สาม เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 10 ธันวาคม 2564 รถพ่วง 18 ล้อ ทะเบียน 83-8703 อุดรธานี บรรทุกอ้อยมาเต็มคัน จาก อ.สร้างคอม มุ่งหน้าเข้า อ.เพ็ญ ตามถนนสร้างคอม-เพ็ญ ถึงหน้าร้านขายจักรยานยนต์อึ้งกุยเฮ็ง บ้านเกาะแก้วต.เพ็ญ อ.เพ็ญ อ้อยที่บรรทุกมาสูงไปเกี่ยวสายไฟฟ้าขาด ตกลงมาบนถนน มีจักรยานยนต์ขับขี่โยน.ส.อนงค์ลักษณ์ โคตรสสีทา อายุ 22 ปี ผ่านมาพอดี ถูกสายไฟพันคอรถเสียหลักล้มได้รับบาดเจ็บ รถพ่วง 18 ล้อ ขับมาจอดไว้ที่หน้า สภ.เพ็ญ
น.ส.อนงค์ลักษณ์ โคตรสสีทา อายุ 22 ปี เล่าว่า ขับจักรยานยนต์มาจากโรงงานเย็บผ้าบ้านนิคม ต.บ้านธาตุ อ.เพ็ญ หลังจากเลิกงาน จะกลับบ้านโคกกลาง ต.โคกกลาง อ.เพ็ญ มาถึงบ้านเกาะแก้ว ถูกสายไฟที่รถบรรทุกอ้อยเกี่ยวขาด พันที่คอและลำตัว โดยที่สายไฟขณะนั้นยังมีกระแสไฟฟ้า และถูกไฟช็อตที่หน้ากากอนามัย ได้รับบาดเจ็บ มูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรม สาขาเพ็ญ นำส่งโรงพยาบาลเพ็ญ ทำแผล แพทย์ให้กลับบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บันทึกข้อตกลง หรือ MOU การขนส่งอ้อย 19 ข้อ ที่ใช้อำนาจ คสช. และมอบหมายให้ กอ.รมน. เป็นเจ้าภาพ เพื่อแก้ปัญหาอุบัติเหตุบนถนน ข้อตกลงหลักประกอบด้วย บรรทุกอ้อยสูงไม่เกิน 4 ม. , ให้โรงงานทำคานกั้น ห้ามรถสูงเกินเข้าไปส่งอ้อย , ยื่นออกจากท้ายรถไม่เกิน 2.30 ม. ท้ายไม่บานออก , ใช้สายรัดอ้อยไม่ให้หล่น , ติดธงแดงและไฟสีแดง ท้ายและข้างรถอ้อย , ติดป้ายแจ้งรถช้าท้ายรถ , สมาคม-โรงงาน ต้องดำเนินการเก็บอ้อยตก จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเร่งด่วน , ใช้ความเร็วในชุมชนไม่เกิน 40 กม./ชม. , รถอ้อยเว้นช่องว่างห่างกัน 100 ม. , ขับชิดซ้าย-ห้ามแซง , เมื่อรถเสียหรือจอด ต้องติดตั้งอุปกรณ์แจ้งเตือนด้านละ 150 ม. และรถพ่วงขนส่งอ้อยห้ามวิ่งกลางคืน ขณะนี้ MOU ไม่มีผลในการปฏิบัติแล้ว….
