อุดรฯมีแบบนี้ด้วยเหรอ ได้ยินมานานนึกว่าข่าวล่วง มีคนไปขายบุหรี่ให้ถึงร้าน จนท.ไปตรวจจับค่าปรับ 50 เท่า คราวนี้เหยื่อเป็นยายวัย 80 และลูกชายพิการอัมพฤษครึ่งซีก ยอมเข้าคุกไม่มีเงินค่าปรับ
จากกรณีเพจข่าว “ทันข่าวชาวอุดร” ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพ เรื่องราวของคนพิการถูกเจ้าหน้าที่สรรพสามิต จับเขจ้าห้องขังเพราะขายบุหรี่ปลอม โดยมีข้อความเข้ามาว่า “ภาพที่เห็นคือ คนที่นั่งอยู่ในห้องขัง มีไม้เท้าวางอยู่ข้างๆ รอความช่วยเหลือจากญาติ ที่มีเพียงแม่ที่อายุเกือบ 80 ปี ที่รอการกลับมาของลูกที่พิการ และน้องสาวที่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเงิน 50,000 บาท มาประกันตัวพี่ชายที่ถูกจับกุมในข้อหา พรบ.ยาสูบ ปี 2509 …ใครจะรู้เนาะว่าอากรจริงหรือปลอม นี่เป็นการตั้งคำถามของชาวบ้าน??? เมื่อวานนำบุหรี่ไปตรวจสอบและวันนี้จับส่งตำรวจและยัดห้องขังเลย…โถๆอะไรกันนี่ไม่ได้ฆ่าคนตายชักกะหน่อย แถมเป็นคนพิการอัมพฤกษ์ครึ่งซีก..อดไม่ได้จริง ๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานีว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ถึงความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ร้านขายชำเลขที่ 49/147 ซอยสุขใจพัฒนา ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี พบนางประนอม เพ็งพันธ์ อายุ 80 ปี กับนายสุริยา เพ็งพันธ์ อายุ 55 ปี แม่กับลูกชาย หลังจากที่ได้ประกันตัวนายสุริยากับ ร.ต.ท.ศุภชัย ขันอาษา รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เจ้าของคดี เมื่อคืนนี้ช่วงเวลา 22.00 น.ก่อนที่จะเดินทางกลับมาที่บ้าน
นางประนอม เพ็งพันธ์ อายุ 80 ปี เปิดเผยว่า ที่บ้านเปิดเป็นร้ายขายชำใน ต.หนองบัว อ.เมือง อุดรธานี ช่วงเย็นวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่สรรพสามิต จ.อุดรธานี 4 คนเข้ามาที่ร้าน แสดงตัวเดินเข้าไปในร้าน แล้วไปที่ชั้นวางของและลิ้นชัก แล้วนำเอาบุหรี่ที่เก็บไว้ออกมา บอกว่าบุหรี่ที่อยู่ในร้านเป็นบุหรี่ปลอม อากรแสตมป์เป็นของปลอม มีความผิดตาม พ.ร.บ.ปี พ.ศ.2509 ม.19 ม.24 ม.50 จะต้องโดนปรับ 50 เท่าของอากรแสตมป์ยาสูบ
“ เจ้าหน้าที่ที่มาเหมือนกับว่า จะรู้ที่เก็บบุหรี่อยู่ตรงไหน หรืออาจจะมีสายแจ้งให้รู้ โดยคนที่เอาบุหรี่มาขายให้ ขับรถเก๋งเป็นชายมาด้วยกันสองคน และขายบุหรี่ให้ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดซองละ 5 บาท ซึ่งได้ซื้อเอาไว้ 3-4 ครั้ง แล้วครั้งล่าสุดเมื่อหนึ่งวัน ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่มาจับกุม โดยคนขับรถเก๋งที่นำบุหี่มาขายอ้างว่า มีบุหรี่ไม่ค่อยเยอะ แต่เขาไม่ให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ ซึ่งตนก็ได้ขอเบอร์โทรศัพท์ แต่ก็ถูกปฏิเสธ ”
นางประนอมฯ เปิดเผยต่อว่า เจ้าหน้าที่บอกว่าจะต้องเสียค่าปรับ ที่เอาบุหรี่ผิดกฎหมายมาขาย ตนก็ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีเงิน เจ้าหน้าที่บอกถ้าไม่มีก็ไปที่โรงพัก ตนก็ทำอะไรไม่ถูกจน ลูกชายก็เป็นอัมพฤษครึ่งซีก ทางเจ้าหน้าที่บอกต้องเสียเงิน 160,000 บาท ตนก็ยืนยันว่าไม่มีเงิน เสียใจกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะเราเป็นชาวบ้านจะเพิ่งพาใคร ให้มาเสียค่าปรับเสียตรงนี้ 160,000 บาท ลูกชายจึงบอกว่าจะรับผิดชอบเอง ยืนยันไม่มีเงินจะยอมติดคุก และก็เอาตัวไปคุยกันที่ สนง.สรรพสามิต ก่อนนำส่งตำรวจที่โรงพัก
หลังจากนั้น น.ส.วิลาวัลย์ เพ็งพันธ์ ลูกสาวของตนได้เอาโฉนดที่ดิน ไปจำนองกับนายทุนได้เงินมา 50,000 บาท เอาไปประกันตัวนายสุริยาฯ ซึ่งเป็นพี่ชายที่ป่วยพิการอัมพฤกษ์ครึ่งซีกด้านขวา ไม่เคยถูกจับดำเนินคดี น้องสาวสงสารพี่ชายอยู่กับแม่สองคนที่บ้าน หาเลี้ยงชีพด้วยการเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ น้อย ๆ พอประกันตัวพี่ชายกลับมาที่บ้าน แม่ได้แต่ร้องไห้ที่เห็นลูกชายถูกจับ เพราะลูกชายไม่เคยโดนจับสักครั้ง
ส่วนหญิงเพื่อนบ้าน บอกว่า ตนเป็นเพื่อนบ้านรู้สึกว่าสงสารแกมาก เพราะเขาเป็นคนพิการใช้แขนได้ข้างเดียวพูดก็ไม่ค่อยคล่อง แกก็คงจะไม่รู้ว่าอันไหนมันไม่ถูกต้อง หรืออันไหมไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งยังไงก็อยากให้ความเป็นธรรมกับเขาด้วย เพราะทำแบบนี้มันก็มีความสงสัยอยู่ว่าทำไมถึงทำแบบนี้ สงสารเขามาก และเขาก็เป็นคนดี ตนเคยเป็นลูกค้ามาซื้อของที่ร้าน หนุ่มพิการก็บริการดี นิสัยดีด้วย และแม่กับลูก ก็ชอบช่วยเหลือคนอื่นด้วย ซึ่งเวลาคนเดือดร้อนมาไม่มีเงิน เขาก็ให้คนอื่นเซ็นของที่ร้านแก…..
