ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 สิงหาคม ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ จากการกู้ยืมเงินโดยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม กองกำกับการสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี และ ที่ห้องประชุม ชั้น 4 สภ.เมืองอุดรธานี พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงศ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เดินทางติดตามความคืบหน้า การสอบปากคำลูกหนี้นายทุนดอกเบี้ยโหด หลังจากที่เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตำรวจได้ปฏิบัติการณ์เข้าจับกุมนายทุน 12 ราย ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน-กู้ยืมเงินดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด-ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อไม่ได้รับอนุญาต-ปลอมเอกสารสิทธิ์”
โดยบรรยากาศมีลูกหนี้จำนวนมาก เดินทางมาแจ้งความและให้ปากคำ ต่อพนักงานสอบสวนมือดี ของสถานีตำรวจทั้ง 23 สถานี ในเขต ภ.จว.อุดรธานี ซึ่งหลังทำการสอบปากคำเสร็จ มีเจ้าหนี้นายทุนหลายคน ที่ยอมเข้าเจรจาไกล่เกลี่ยกับลูกหนี้ โดนเฉพาะนายทุนรายใหญ่ ๆ ที่ให้ความร่วมมือ หลังเจรจาไกล่เกลี่ยยอมที่จะคืนโฉนดและเอกสารสิทธิ์ต่าง ๆ ให้กับลูกหนี้ ที่ได้จ่ายเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเกินสัญญาแล้ว ซึ่งมีการเจรจาคืนโฉนดที่ดิน และเอกสารสิทธิได้แล้วถึง 84 ราย จากลูกหนี้เข้าแจ้งความกว่า 130 ราย
พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง รอง ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า หลังจากการจับกุมนายทุนไปแล้ว บางคนที่ไปต่างประเทศ ก็เดินทางกลับมามอบตัวแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจาไกล่เกลี่ย ระหว่างลูกหนี้กับนายทุน ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดีจากนายทุนหลายราย และสามารถเจรจาไกล่เกลี่ย จนมีการยอมที่จะคืนโฉนดและเอกสารสิทธิ์เกือบ 100 ราย โดยวันนี้ก็ยังคงเปิดให้มีการเจรจาเพิ่มเติม
“ ขณะนี้การช่วยเหลือลูกหนี้ ที่กู้ยืมเงินโดยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม กำลังดำเนินการในทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะตามจังหวัดใหญ่ ๆ ก็มีไม่น้อยกว่าที่ จ.อุดรธานี แต่ว่าทางตำรวจ ภ.4 ได้เริ่มยุทธการก่อน นำไปสู่การเป็นโมเดลในการช่วยเหลือลูกหนี้ ที่กู้ยืมเงินจากนายทุน โดยสัญญาที่ไม่เป็นธรรม หากมีลูกหนี้เข้ามาแจ้งความเพิ่มอีก ก็จะมีการเข้าตรวจค้น และออกหมายจับตามที่มีการแจ้งความเพิ่มเติมเข้าสูการเจรจาไกล่เกลี่ยอีก เพื่อให้ลูกหนี้ได้รับความเป็นธรรม จากการกู้ยืมเงินจากนายทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายทุนที่ถูกออกหมายจับและถูกจับกุมรวม 12 ราย ส่วนใหญ่ได้มาเจรจาไกล่เกลี่ยกับลูกหนี้ มีเพียงนายทุนของ อ.หนองหาน ที่เป็นนายทุนรายใหญ่ มีลูกหนี้จำนวนมาก ที่ไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี จะทำการตรวจยึดเอกสารและทรัพย์สิน เพื่อส่งให้ ปปง.ดำเนินการ เพื่อเรียกนายทุนรายนี้มาชี้แจง ที่มาที่ไปของทรัพย์สินต่าง ๆ หากไม่มาให้ปากคำกับทาง ปปง. ก็จะทำการยึดทรัพย์ตามมาตรการของ ปปง.ต่อไป