เมื่อเวลา 19.00 วันที่ 25 กันยายน 2565 พ.ต.ท.วัฒนา มีทองหลาง รอง ผกก.สอบสวน สภ.บ้านดุง จ.อุดรธานี รับแจ้งเหตุคนถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิตที่หน้าบ้านเลขที่ 229 หมู่ 9 บ้านวังชัย ต.วังทอง อ.บ้านดุง ส่วนผู้ก่อเหตุนั่งรอมอบตัวอยู่บ้านที่เกิดเหตุ จึงออกไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.ฉัตรชัย ใจไวย์ สว.สส.สภ.บ้านดุง ตำรวจสืบสวน พร้อมกับประสานแพทย์เวร รพ.สมเด็จพระยุพราชบ้านดุง อาสากู้ภัยมูลนิธิสว่างเมธาธรรม อาสากู้ภัยตำรวจทางหลวง จุดบ้านดุง
ที่เกิดเหตุพบศพผู้ตายชื่อ นายสามารถ หรือนุ่ม พยัคฆกาฬ อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 206 หมู่ 2 บ.วังดารา ต.วังทอง อ.บ้านดุง นอนตะแคงจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่หน้าบ้านที่เกิดเหตุ สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีแดง กางเกงยีนขายาว ตรวจสอบบริเวณกลางศีรษะถูกฟันจากของมีคมหลายครั้งจนกะโหลกแตกเป็นแผลฉกรรจ์ เลือดและมันสมองไหลนองพื้น ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายสุริยัน หรือต้อง ยอดลักษณ์ อายุ 29 ปี ลูกชายเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ นั่งรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมของกลางขวานยาวประมาณ 30 ซม.ที่ใช้ฟันศีรษะผู้ตาย พร้อมกับนำชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ ก่อนที่ตำรวจควบคุมตัวไปสอบสวนที่โรงพัก ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สอบสวนนายสุริยัน หรือต้อง ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่า ผู้ตายและตนเองเป็นเพื่อนกันและทำงานก่อสร้างด้วยกัน และเป็นคนใช้ขวานฟันผู้ตาย สาเหตุมาจากผู้ตายมีอาการเมาสุรา แล้วมาตะโกนด่าตนเองที่หน้าบ้าน จนเกิดการชกต่อยกัน แต่ตนเองสู้ไม่ได้เพราะตัวเล็กกว่า จึงวิ่งไปหยิบเอาขวานออกมาจากบ้าน แต่ก็ถูกผู้ตายแย่งขวานขณะต่อสู้กัน และพี่ชายของตนเองคือนายสุริยาหรือตั้ม ยอดลักษณ์ อายุ 32 ปี กำลังทำกับข้าวอยู่หลังบ้าน ได้ยินเสียงทะเลาะกัน จึงออกมาห้ามปรามตนและผู้ตายไว้ แต่พี่ชายก็ถูกผู้ตายใช้ขวานที่แย่งไปกับมือของตน ฟันไปที่ข้อมือซ้ายของพี่ชายตนจนเอ็นขาด เนื่องจากพี่ชายใช้มือปัดขวานที่ผู้ตายฟันมาที่ศีรษะของตน และทำให้ขวานหลุดจากมือผู้ตาย
”ตนจึงหยิบขวานที่หลุดจากมือผู้ตาย และฟันไปที่ศีรษะผู้ตาย 2 ครั้ง ก่อนที่ผู้ตายจะล้มลงกับพื้นเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุตนไม่ได้หลบหนีไปไหน นั่งรอมอบตัวกับตำรวจพร้อมอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเกิดมาจากเรื่องโทรศัพท์มือถือของตนที่ผู้ตายขอยืม และยึดเอาไปประมาณเกือบ 1 เดือน ถามหาก็ไม่ยอมให้คืน ตนจึงบอกญาติผู้ตายให้ผู้ตายนำโทรศัพท์มาคืน ไม่เช่นนั้นจะไปแจ้งความดำเนินคดี ทำให้ผู้ตายไม่พอใจ มาตะโกนด่าและเข้ามาทำร้ายร่างกายตน ขณะตนกำลังนั่งกินข้าวอยู่หน้าบ้าน จนทำให้ตนพลั้งมือฆ่าเพื่อนไปด้วยความโมโหและบันดาลโทสะ และยอมรับในสิ่งที่ตนเองก่อขึ้น
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 กันยายน 2565 ที่ สภ.บ้านดุง พ.ต.ท.วัฒนา มีทองหลาง รอง ผกก.สอบสวน สภ.บ้านดุง ได้นำตัวนายสุริยัน ยอดลักษณ์ ผู้ต้องหามาสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมกับเชิญนายสุริยา ยอดลักษณ์ อายุ 32 ปี พี่ชายผู้ต้องหา และนายถวิล ยอดลักษณ์ อายุ 60 ปี พ่อผู้ต้องหา มาสอบสวนปากคำในฐานะพยาน หลังจากที่ นายสุริยาฯ ทำแผลที่โรงพยาบาลแล้วเสร็จ โดยตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหานายสุริยัน หรือต้อง ยอดลักษณ์ ว่า”ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” ซึ่งนายสุริยันฯก็ยอมรับว่าเป็นคนใช้ขวานฟันศีรษะผู้ตายจริง
ต่อมาเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน (26 ก.ย.65) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่206 หมู่ 2 บ.วังดารา ต.วังทอง อ.บ้านดุง ซึ่งเป็นบ้านของนายสามารถ หรือนุ่ม พยัคฆกาฬ พบกับนางสุรินทร์ พยัคฆกาฬ อายุ 59 ปี แม่ผู้ตาย และนางสวี เกาะยุทธ ผญบ.ม.2 บ้านวังดารา ต.วังทอง และญาติพี่ รวมทั้งน้องชาวบ้านได้ช่วยกันจัดเตรียมงานทำบุญให้ผู้ตายช่วงเย็นวันนี้ หลังจากช่วงสายวันนี้ได้นำศพของนายสามารถฯเข้าเบ้าคอนกรีตเก็บรักษาไว้ในป่าช้าวัดป่าประชาวัง ม.1 บ้านวังทอง ต.วังทอง อ.บ้านดุง จนครบกำหนด 3 ปี จึงจะนำออกมาฌาปนกิจตามประเพณีของคนในหมู่บ้าน เนื่องจากผู้ตายเสียชีวิตผิดจากธรรมชาติ หรือที่เรียกกันว่าตายโหง
นายสุริยา หรือตั้ม ยอดลักษณ์ พี่ชายผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ขณะตนกำลังทำกับข้าวอยู่ครัวหลังบ้าน ได้ยินเสียงน้องชายและผู้ตายทะเลาะกันที่หน้าบ้าน จึงออกมาห้าม และน้องของตนสู้ผู้ตายไม่ได้ เพราะตัวเล็กกว่า น้องชายจึงวิ่งเข้าไปเอาขวานในบ้านออกมาขู่ผู้ตาย ให้กลับบ้าน แต่ผู้ตายก็ไม่ยอมหยุด เข้ามาทำร้ายตนและน้องชาย พร้อมกับแย่งขวานจากมือน้องชายไป และใช้ขวานฟันไปที่ศีรษะน้องชาย แต่ตนใช้มือไปรับคมขวานแทนน้องชาย จนทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บ
”และเป็นจังหวะเดียวกัน ขวานได้หลุดจากมือผู้ตาย ทำให้น้องชายที่อยู่ในอาการโมโหสุดขีด ก้มหยิบขวานขึ้นมาฟันไปที่ศีรษะผู้ตายที่อยู่ในอาการเมาสุรา ล้มลงกับพื้นและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ก่อนตนจะโทรศัพท์แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ และบอกให้น้องชายรอมอบตัวอยู่ที่บ้าน หากตนไม่เอามือไปรับคมขวาน คนที่ตายคงจะเป็นน้องชายของตนเองอย่างแน่นอน เพราะผู้ตายชอบทำตัวเป็นนักเลงขาใหญ่ประจำหมู่บ้าน”
นางสุรินทร์ พยัคฆกาฬ แม่ผู้ตาย เปิดเผยว่า ผู้ตายเป็นลูกชายคนเล็ก ทำงานรับจ้างทั่วไป ติดสุราอย่างหนัก และระยะหลังก็ติดเสพยาบ้าด้วย และมีนิสัยโมโหร้าย มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้อื่นเป็นประจำ พ่อและแม่ทนพฤติกรรมไม่ไหว เกรงว่าจะเกิดอันตราย จึงออกไปอาศัยอยู่ที่กระท่อมนาท้ายหมู่บ้าน ส่วนบ้านหลังนี้มีผู้ตายอาศัยอยู่ตามลำพัง หลังทราบข่าวว่าลูกชายถูกทำร้ายเสียชีวิตที่หน้าบ้านผู้ก่อเหตุ ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 400 เมตร เมื่อไปถึงพบว่าลูกชายเสียชีวิตแล้ว เพราะร้องเรียกก็ไม่ยอมตอบรับ รู้สึกเสียใจมากที่ผู้ก่อเหตุทำกับลูกชายถึงขั้นเสียชีวิต และอยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด โดยไม่ขอจองเวรจองกรรมกับผู้ก่อเหตุ และอโหสิกรรมให้จะได้ไม่มีเวรกรรมกันไปในชาติหน้า
ด้านนางสวี เกาะยุทธ ผญบ.ม.2 บ้านวังดารา เล่าว่า ผู้ตายละผู้ต้องหาและผู้บาดเจ็บเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก และทำงานรับจ้างก่อสร้างด้วยกัน มักจะตั้งวงดื่มสุรากันที่หน้าบ้านของผู้ต้องหาแทบทุกวัน ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นทะเลาะกันรุนแรงแบบนี้ และไม่เคยคิดว่าพวกเขาจะถึงขั้นฆ่ากันได้ลง แต่ผู้ตายมีนิสัยชอบมีเรื่องทะเลาะวิวาททำร้ายคนทั่วไป หากไม่พอใจใครจะเดินเข้าไปทำร้ายร่างกายทันที ที่ผ่านมาผู้ตายจะมักทะเลาะวิวาทกับคนในหมู่บ้านเป็นประจำ แม่แต่พ่อแม่ญาติพี่น้องก็ไม่ละเว้น จนชาวบ้านต่างพากันเอือมระอา ไม่อยากให้ผู้ตายเข้ามาบ้านหรือมาสุงสิงกับคนในบ้าน เพราะกลัวได้รับอันตราย เพราะผู้ตายเป็นคนโมโหร้าย และชอบทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ประจำหมู่บ้าน