เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 เมษายน 2562 ที่กองกำกับสืบสวน ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.วิบูลย์ วงศ์ก้อม รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธ์ ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.สรายุทธ ฉ่ำผิว ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายกิตติ หนูกลาง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 12 บ้านใหม่ศรีวิไล ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ 79/2562 ลงวันที่ 14 เมษายน ข้อหา “มิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย” ได้ที่บ้านโคกกุง ต.บ้านขาม อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู
พ.ต.อ.วิบูลย์ วงศ์ก้อม รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 16.00 วันที่ 23 เมษายน พ.ต.ต.อรรคพล ยี่เกาะ สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี นำกำลังพร้อมหมายจับ เข้าจับกุมนายกิตติ ได้ที่ถนนกลางบ้านโคกกุง ต.บ้านขาม อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู โดยนายกิตติ ได้ให้เพื่อนติดต่อเหมารถตู้เพื่อเดินทางหลบหนีไปกรุงเทพฯ ตำรวจจึงได้ซ้อนแผน ให้ ด.ต.ศักดิ์ชัย จันทรวิจิตร ผบ.หมู่ สส.ภ.จ.อุดรธานี ปลอมตัวเป็นคนขับรถตู้ไปรับนายกิตติที่ถนนหลังหมู่บ้านโคกกุง และเมื่อถึงเวลานัดหมาย พบนายกิตติฯออกจากที่ซ่อนมาขึ้นรถตู้ ตำรวจที่นั่งอยู่เต็มรถได้แสดงหมายจับเข้าควบคุมตัว นายกิตติ
นายกิตติฯให้การรับสารภาพว่า แยกทางกับภรรยาเก่า ซึ่งมีลูกด้วยกัน 2 คน และมาอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับผู้ตาย 7 ปี ทะเลาะมีปากเสียงกันมาตลอด และลงมือทำร้ายอยู่หลายครั้ง เมื่อหายโมโหตนก็ตามไปง้อเมีย หรือซื้อยามาให้กิน ก่อนเกิดเหตุผู้ตายลักเงินตน 5,000 บาท จับได้เพราะเงินอยู่ในกระเป๋าผู้ตาย จึงมีปากเสียงทะเลาะกัน ผู้ตายได้ด่าถึงบุพการีตน ทำให้โมโหสุดขีดลืมตัวทำร้ายผู้ตายรุนแรง เมื่อหายโมโหตนได้ไปซื้อยามาให้ผู้ตายกิน แต่ผู้ตายบอกว่าไม่ไหวแล้ว จากนั้นก็หมดสติ ตนจึงโทรศัพท์เรียกให้น้องชายขับรถมารับไปส่งโรงพยาบาล
หลังจากส่งผู้ตายเข้าโรงพยาบาลแล้ว ได้กลับมาบ้านเพื่อดูแลลูก พอตื่นเช้าตนจะกลับมาเยี่ยม ก็ทราบว่าเมียตายแล้ว รู้สึกเสียใจและตกใจ จึงหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่บนภูพานน้อย ติดบ้านโคกกุง ซึ่งมีเพื่อนอยู่ที่นั้น อาศัยนอนและกินกับชาวบ้าน ที่ขึ้นไปตัดฝืนหาของป่า ต่อมาได้โทรศัพท์มาหาเพื่อนบอกให้ติดต่อเหมารถตู้ไปส่งที่กรุงเทพฯ ซึ่งเพื่อนโทรบอกตนว่าติดต่อรถตู้ได้แล้ว จะมารับเย็นวันที่ 23 เมษายน ที่หลังหมู่บ้าน เมื่อถึงเวลานัดหมายตนได้นั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์เพื่อนมาขึ้นรถตู้ที่จอดรอ เมื่อเปิดรถตู้จะขึ้นรถ ก็พบเป็นตำรวจเข้ามาจับกุม
จากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัวนายกิตติ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้าน ซึ่งมีญาติและชาวบ้านมามุงดู ซึ่งนายกิตติได้ร้องไห้กอดแม่และพี่สาว พร่ำบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที เสร็จแล้วได้ควบคุมตัวกลับโรงพัก ซึ่งนายชูชาติ ดีน้อย อายุ 65 ปี และนางอินถวา ดีน้อย อายุ 58 ปี พ่อและแม่ น.ส.กรวิภา ได้ถือกระปุกอัฐิผู้ตายมาดูหน้าลูกเขยถึงโรงพัก ซึ่งนายกิตติได้ร้องไห้กอดกระปุกบรรจุอัฐิเมีย พร้อมก้มกราบขอขมาและสำนึกผิด ซึ่งทั้งสองได้กล่าวอโหสิกรรมให้ แต่ให้เป็นไปตามกฎหมาย