เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 ธันวาคม 2563 ที่สถานีตำรวจภูธรกุมภวาปี จว.อุดรธานี นายทัศนัย มงคลวัฒน์ อายุ 51 ปี นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเลย นำชาวไร่อ้อยจาก จ.เลย และ จ.หนองบัวลำภู รวม 13 ราย เข้าพบ พ.ต.ท.นภดล ขันตีกุล สว.สอบสวน สภ.กุมภวาปี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ ขบวนการฉ้อโกงทำสัญญาอำพลาง รับเงินล่วงหน้าค่าแรงตัดอ้อย แล้วหนีไม่ทำตามสัญญา ความเสียหาย 914,000 บาท หลังจากก่อนหน้านี้มาแจ้งความแล้ว 3 ราย แต่ยังไม่มีหลักฐาน “สัญญาอำพราง”
นายทัศนัย มงคลวัฒน์ อายุ 51 ปี นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเลย เปิดเผยว่า เป็นลูกเขยของ 1 ในชาวไร่อ้อยที่ถูกหลอก จึงเป็นตัวแทนชาวไร่อ้อย นำบางส่วนมาแจ้งความ โดยวันนี้แจ้งที่ สภ.กุมภวาปี และ สภ.อ.ประจักษ์ศิลปาคม ที่เหลือจะมาแจ้งอีก โดยนำตัวนายสมศักดิ์ สุวรรณพิมพ์ อายุ 60 ปี นายหน้าคนแรกจาก อ.วังสะพุง มาพบตำรวจด้วย และก่อนหน้านี้ก็ไปที่บ้านนางสายทอง ภักดีสมัย 48 ปี นายหน้าคนที่สอง ที่ บ.ดงสามสิบ ม.12 ต.เสอเพลอ อ.กุมภวาปี แต่ปิดบ้านหนีไปแล้ว โทรศัพท์ก็ไม่รับสาย
พ.ต.ท.นภดล ขันตีกุล สว.สอบสวน สภ.กุมภวาปี ได้แจ้งให้ผู้เสียหายที่จะแจ้งความ จะต้องเข้าข่ายสัญญาอำพราง คือผู้ถูกกล่าวหาจะต้องทำสัญญาไว้มากกว่า 1 สัญญา โดยผู้เสียหายรวบรวมเอกสาร ยื่นให้กับพนักงานสอบสวน เรียงลำดับประกอบด้วย สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้เสียหาย , สัญญาว่าจ้างไปตัดอ้อย และสำเนาบัตรประชาชนผู้ถูกกล่าวหา(ถ้ามี) และภาพถ่ายวันรับเงินที่ผู้เสียหายถ่ายไว้
นางสุกีลา พูลกลาง อายุ 54 ปี ชาวไร่อ้อย เปิดเผยว่า มีชาวไร่อ้อยแนะนำนายหน้า จึงโทรฯไปถามรู้ว่ากำลังจะหาคนงาน ก็รีบเดินทางตามมาที่บ้านนายหน้า บ.ดงสามสิบ เห็นคนงานนั่งกันอยู่หลายสิบคน ตนขอวางเงินมัดจำคู่ละ 5,000 บาทก่อน พอขึ้นรถแล้วก็จะเอาให้อีก 5,000 บาท พอคนงานเดินออกไปจนเหลืออยู่ 12 คู่ จึงยอมจ่ายคู่ (สามีภรรยา)คู่ละ 10,000 บาท และให้นายหน้าอีก 10,000 บาทรวม 130,000 บาท ทำสัญญาถ่ายภาพเป็นหลักฐาน
“ เงินที่นำเอามาจ่ายนั้นได้เอารถเข้าไฟแนนท์ เอาเงินออกมาจ่ายค่าคนงานและนายหน้า ก็คิดว่าเงินที่เอารถไปเข้าไฟแนนท์ได้ 4 แสนบาท เอามาจ่ายค่าคนงานตัดอ้อย 1 แสนบาท และที่เหลือจะเอาเงินมาซ่อมรถ ตอนนี้มีไร่อ้อย 100 ไร่ไปหาเช่าและของญาติพี่น้อง ส่วนของตัวเองมีอยู่ 30 ไร่ วันนี้ก็อยากที่จะได้เงินคืนไปใช้หนี้ วันนี้ชาวไร่อ้อยได้เดินทางไปดูบ้านแต่ว่าไม่มีใครอยู่ปิดบ้านเอาไว้ ”
นายสมศักดิ์ สุวรรณพิมพ์ อายุ 60 ปี อยู่เลขที่ 309 ม.5 บ.วังกกเดื่อ ต.หนองหญ้าไซ อ.วังสะพุง จ.เลย เปิดเผยว่า เดินทางมากับผู้เสียหาย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่เกี่ยวข้องกับการโกงในครั้งนี้ โดยปีนี้ไม่มีแรงงานตัดอ้อยจาก สปป.ลาว มีเพื่อนชื่อ “ยุ” ที่เคยไปตัดอ้อย จ.เลย มาหลายปี บอกว่ามีนายหน้ามีแรงงานตัดอ้อย จึงโทรไปสอบถามยืนยันว่ามีจริง ก็ไปบอกชาวไร่อ้อยไม่มีแรงงาน พร้อมกับทำหน้าที่เป็นนายหน้า
“ พาชาวไร่อ้อยมาหานายหน้าที่ อ.กระนวน , อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น และ อ.กุมภวาปี , อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี ชาวไร่ก็ตกลงกับคนตัดอ้อยเอง จ่ายค่าล่วงหน้าให้กันคนละ 5,000 บาท แล้วนัดหมายจะมารับไปตัดอ้อย เราก็ได้ค่านายหน้าหัวละ 500 บาท ซึ่งจะแบ่งให้นายหน้าในพื้นที่คนละครึ่ง มีปัญหาเฉพาะที่ บ.ดงสามสิบ มีนางสายทองฯเป็นนายหน้า และ บ.โคกสว่าง อ.ประจักษ์ศิลปาคม มีนายสอนฯเป็นนายหน้า เงินนายหน้าได้มาใช้ไปหมดแล้ว ”
นายสี จันทรสา อายุ 58 ปี ผญบ.บ้านดงสามสิบ ม.12 ต.เสอเพลอ อ.กุมภวาปี เปิดเผยว่า ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเกิดเหตุนี้ เพราะตอนที่เขามาเอาเงินให้กัน ไม่ได้มาบอกให้ไปเป็นพยาน จนชาวไร่อ้อยมาที่บ้านนางสายทองฯ และมาพบกันตนจึงรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ชาวไร่อ้อยยังบอกด้วยว่า นางสายทองฯบอกว่าให้ ผญบ.ประกาศชวนชาวบ้านด้วย ทั้งที่ไม่เป็นความจริง
“ บ้านดงสามสิบมี 180 หลังคาเรือน มีเพียงหลังคาเรือนเดียว มีอาชีพรับจ้างตัดอ้อย ทุกปีจะเดินทางไปตัดอ้อย จ.กาญจนบุรี และตอนก็เดินทางไปแล้ว แรงงานตัดอ้อยหลายสิบคน ที่มาทำสัญญารับเงินที่บ้านนางสายทองฯ ไม่น่าจะเป็นชาวบ้านดงสามสิบ น่าจะเดินทางมาจากที่อื่น ขณะที่นางสายทองฯย้ายมาจากที่อื่น มาสร้างบ้านอยู่กับน้องสาว ไม่ได้ทำไร่ไถนาเหมือนคนอื่น ไม่มีอาชีพที่ชัดเจน ”