ผู้ป่วยโควิด-19 กลับอุดรต่อเนื่อง รถบัสเที่ยวสี่ป่วยทั้งหมด 145 คน จัดส่งต่อเข้า รพ.ในภูมิลำเนาทันที ขณะแผนของรับคนกลับพร้อม เพิ่มเตียง รพ.ชุมชน ย้ายผู้ป่วยสีเหลืองไป เปิดเตียงให้ รพ.ศูนย์ฯเพิ่มเตียงคนป่วยสีแดง มั่นใจมาเพิ่มระดับนี้เอาอยู่ ขณะวัคซีนสลับชนิดฉีดแล้วไม่พบปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงาจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ว่าขบวนรถบัสโดยสาร 5 คัน “นำลูกหลานอุดรกลับบ้าน” เที่ยวที่ 4 เดินทางจากกรุงเทพฯมาถึง ลานจอดรถสโมสรนายทหาร มณฑลทหารบก 24 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี โดยมีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี นำคณะทำงานติดตามดูความเรียบร้อย และให้กำลังใจกับผู้เดินทางกลับมารวม 135 ราย จากที่นัดหมายไว้ 145 ราย โดยทั้งหมดเป็นผู้ที่ตรวจยืนยันติดเชื้อโควิด-19 มาตั้งแต่ต้นทางแล้ว
ผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยทั้งหมด จะไม่ต้องรับการคัดกรอง หรือตรวจหาเชื้ออีกครั้ง เพียงแยกออกเป็นกลุ่มตามภูมิลำเนา 20 อำเภอ มากที่สุดอำเภอหนองหาน 21 ราย รองลงมา อ.ไชยวาน 17 ราย , อ.บ้านผือ 16 ราย , อ.เมือง 11 ราย และน้อยที่สุด อ.ประจักษ์ศิลปาม 1 ราย ทุกอำเภอจะส่งรถของ รพ.ประจำอำเภอมารับ กลับไปรักษาที่ รพ.อำเภอนั้น ๆ ซึ่งทุกคนเป็นกลุ่มผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็น “สีเขียว” รวม 4 เที่ยวรับลูกหลานชาวอุดรกลับบ้านแล้ว 358 ราย ยืนยันเป็นผู้ติดเชื้อ 279 ราย ตรวจพบติดเชื้อภายหลัง 32 ราย
ทั้งนี้ในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.) จ.อุดรธานี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการ จ.อุดรธานี ได้รับมอบกรมธรรม์ประกัน covid-19 จากตัวแทนบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด ให้กับคนขับรถบัสโดยสาร รับผู้ติดเชื้อและป่วยกลับบ้าน 10 คนๆละ 200,000 บาท โดยไม่คิดมูลค่า เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่ง “นำลูกหลานชาวอุดรกลับบ้าน”
และเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน นายอุเทน หาแก้ว รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี พญ.สุรีรัตน์ วัชระสุวรรณเสรี อายุรแพทย์ โรคติดเชื้อ รพ.ศูนย์อุดรธานี ร่วมแถลงสถานการณ์โควิด-19 พื้นที่อุดรธานี พบผู้ติดเชื้อและป่วยเพิ่ม 66 ราย เป็นผู้มาจากพื้นที่เสี่ยงสูง 63 ราย ติดเชื้อจากสัมผัสเสี่ยงสูงในพื้นที่ 3 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 2,037 ราย หายกลับบ้าน 938 ราย รักษาอยู่ 1,077 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราบ สะสม 22 ราย
ผู้เสียชีวิตรายที่ 22 เป็นผู้ป่วยรายที่ 1926 เพศหญิง อายุ 48 ปี เป็นชาว อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี มีโรคประจำตัว เบาหวาน-ความดันโลหิตสูง-หลอดเลือดในสมอง และมีภาวะอ้วน เดินทางมาจากกรุงเทพฯ อาศัยอยู่ใกล้กับแคมป์คนงานป่วย มีไข้เมื่อ 14 ก.ค.64 ปวดตามร่างกาย-ไอ-อาเจียน-เหนื่อยหอบ 19 ก.ค.เดินทางกลับบ้าน อ.บ้านดุง 20 ก.ค.64 ผ่านการคัดกรอง เข้ารับการรักษา รพ.บ้านดุง ต้องใส่ท่อช่วยหายใจส่งต่อ รพ.ศูนย์อุดรธานี และ 05.00 น. 21 ก.ค.64 ความดันต่ำ-มีชีพจร-หยุดหายใจ-หัวใจหยุดเต้น รวมเวลาการรักษาเพียง 3 วัน
พญ.สุรีรัตน์ วัชระสุวรรณเสรี อายุรแพทย์ โรคติดเชื้อ รพ.ศูนย์อุดรธานี กล่าวว่า ผู้ป่วยรักษาใน รพ.อุดรธานี 182 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 12 ราย เครื่องออกซิเจนแรงดันสูง 22 ราย ขณะที่ศูนย์แคร์อุดรธานี (รพ.สนามแห่งที่ 1) มีผู้ป่วยสีเขียว 520 ราย ยังไม่มีผู้ป่วยในศูนย์มรกต (รพ.สนามแห่งที่ 2) ซึ่งในการเตรียมรับผู้ป่วยเพิ่ม ที่คาดว่าจะเดินทางกลับมาอีก รพ.ศูนย์อุดรธานี ได้เพิ่มเตียง “ผู้ป่วยสีแดง” จากการขยับผู้ป่วยสีเหลือง ออกไปยัง รพ.ชุมชน 5 แห่งมีศักยภาพสูง หากมีผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยเข้ามารักษาในระดับนี้ รพ.มีความสามารรถรองรับได้
นายอุเทน หาแก้ว รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี กล่าวว่า โครงการนำลูกหลานชาวอุดรกลับบ้าน มีเป้าหมายเบื้องต้นราว 1,200 คน ขณะนี้เดินทางมาแล้วเกือบ 400 คน อุดรธานียังมีศักยภาพรับผู้ป่วยอยู่ โดยได้เพิ่มเตียงใน รพ.ศูนย์อุดรธานี และ รพ.ชุมชน สำหรับวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ อุดรธานีได้ตั้งกลุ่มงาน “สต็อก” เตรียมความพร้อมไว้ ส่งให้ รพ.ที่มีการร้องขอเข้ามาทันที และเพิ่มเติมหากสต็อกลดลง สำหรับ รพ.ชุมชน ขาดแคลนอยู่ จะส่งทีมงานลงไปช่วย
“ อุดรธานีเริ่มฉีดวัคซีนแบบสลับชนิดไปเมื่อ 2 วันก่อน มีทั้งผู้ฉีดเข็มแรกชิโนแวคไป เป็นกลุ่ม อสม. , ผู้สูงอายุ มารับการฉีดแอสตาเซนิกาเข็มสอง มีรายงานว่าไม่มีอาการแพ้ หรืออาการไม่พึงประสงค์รุนแรง บางคนมีอาการปวดกล้าเนื้อ และมีการฉีดชิโนแวดเข็มแรก ให้ผู้สูงอายุ โดยนัดฉีดแอสตาเซเนกาเข็มสองอีก 21 วันข้างหน้า ส่วนบุคคลากรทางการแพทย์ ได้ฉีดวัคซีนชิโนแวคไปแล้ว 2 เข็ม ยังไม่มีการฉีดเข็มที่สาม ซึ่งจะต้องรอวัคซีนและจัดทำแผนก่อน ”….