เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 21 มกราคม 2562 พล.ต.ต.วรณัฎฐ์ ผันผ่อน ผบก.ภ.จ.อุดรธานี สั่งการให้ ร.ต.อ.วิเชียร คล้อยดี รอง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังชุดศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศภูธรจังหวัดอุดรธานี (ศปอส.ภ.จ.อุดรธานี) จับกุมนายญาณวุฒิ หรืออรงกรณ์ อุตราชา อายุ 45 ปี อดีตหัวหน้าส่วนการคลัง อบต.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี อยู่เลขที่ 139/3 ถนนบ้านเหล่า ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ 147/2554 ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2554
กล่าวหา “เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์ไปเสีย และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงเอกสาร หรือดูแลเอกสารกระทำการปลอมเอกสาร โดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น” โดยจับกุมได้ที่บ้านสวน เลขที่ 53/1 ม.12 บ.ศรีบุญเรือง ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
จ.ส.อ.ฉลอง ภูวิลัย นายก อบต.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี และนายประเวทย์ กุดทา ปลัด อบต.โนนสูง ผู้เสียหายเดินทางมายัง สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า นายญาณวุฒิ หรืออรงกรณ์ เคยเป็นหัวหน้าส่วนการคลัง อบต.โนนสูง ต่อมาปี 2544 นายญาณวุฒิฯได้ปลอมแปลงเช็คเงินสด ที่สั่งจ่ายเงินเดือนให้เจ้าหน้าที่ อบต.โนนสูง มาเสนอให้นายชำนาญ ภูวิลัย นายก อบต.โนนสูงในขณะนั้น และปลัด อบต. ลงลายมือชื่อ ก่อนจะนำไปเขียนเพิ่มเติมจำนวนเงินในเช็คเงินสดก่อนนำไปขึ้นเงิน 2 ครั้ง เสียหายรวมเป็นเงิน 1,166,169.73 บาท
เมื่อ สตง.ตรวจสอบบัญชีสิ้นปีงบประมาณพบทุจริต ซึ่งนายญาณวุฒิ ก็ได้หลบหนีไป ปปช.ได้สั่งสอบสวนหาผู้เกี่ยวข้อง พบว่านายญาณวุฒิฯได้กระทำการเพียงคนเดียว จึงได้ส่งฟ้องศาล ซึ่งศาลมีคำพิพากษาสั่งให้นายก อบต.ปลัด อบต.ร่วมกันชดใช้ โดยนายชำนาญ ภูวิลัย อดีตนายก อบต. ชดใช้ 8 หมื่นบาท ปลัด อบต.ชดใช้ 3.7 แสนบาท ส่วนตนเข้ามารับตำแหน่งนายก อบต.ต้องชดใช้ 2.2 แสนบาท ซึ่งพวกตนได้ผ่อนจ่ายใกล้จะหมดแล้ว พร้อมกับได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายญาณวุฒิฯ ให้นำเงินที่ทุจริตไปมาชดใช้คืน
ส่วนนายญาณวุฒิ อดีตหัวหน้าส่วนการคลัง ผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ได้ทุจริตด้วยการเติมตัวเลขในเช็คเงินสดสั่งจ่ายเงินเดือนเจ้าหน้าที่ อบต.จริง โดยตนทำคนเดียว เงินที่ได้ตนได้นำไปใช้จ่ายส่วนตัว เมื่อมีอาการตรวจพบ ตนได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ อ.นายูง จ.อุดรธานี ทำไร่ ทำสวน พร้อมกับเปลี่ยนชื่อจากอรงกรณ์ เป็นญาณวุฒิ เมื่อ 1 ปีก่อนได้กลับมาอยู่ที่บ้านสวน ที่บ้านศรีบุญเรือง ด้วยการทำไร่ทำนา แต่ก็มาถูกตำรวจจับกุม ทั้งที่เหลืออีก 2 ปี ก็จะหมดอายุความ ซึ่งญาติจะนำที่ดินไปขาย นำเงินมาชดใช้นายก อบต.และปลัด อบต….