เมื่อเวลา 18.50 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ศูนย์วิทยุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุมีชายเดินถือธนู พร้อมลูกธนู อยู่ในสนามฟุตบอล โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล อ.เมือง จ.อุดรธานี เกรงว่าจะเกิดเหตุอันตรายต่อเด็กนักเรียน ที่กำลังฝึกซ้อมกีฬาอยู่ภายใน หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 สภ.เมืองอุดรธานี รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบผู้ชาย อายุประมาณ 20 – 25 ปี สวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน ทับด้วยเสื้อกั๊กไหมพรมสีขาว กางเกงขายาวสีน้ำตาล รองเท้าผ้าใบสีดำ ในมือข้างซ้ายถือคันธนู ที่เอวคาดซองใส่ลูกธนู โดยมีอาจารย์และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงเรียนยืนดูอยู่ห่างๆ ซึ่งทางโรงเรียนยังมีนักเรียนจัดกิจกรรมกีฬาสีอยู่ ทำให้เด็กนักเรียนตกใจและแตกตื่น อาจารย์จึงตะโกนบอกให้นักเรียนที่ยังทำกิจกรรมอยู่ ให้ถอยห่างออกจากชายคนดังกล่าว นักเรียนหลายคนต้องวิ่งๆไปหลบอยู่ในอาคารเรียน
เมื่อตำรวจไปถึงได้ขับรถจักรยานยนต์สายตรวจขับเข้าไปจนประชิดตัว พร้อมกับบอกให้หยุดเพื่อเจรจาพูดคุย ชายคนดังกล่าวไม่มีท่าทีขัดขืนหรือตกใจ ยืนนิ่งๆให้พูดคุยสอบถาม แต่มีสีหน้าเคร่งเครียด ตำรวจได้แจ้งว่าเป็นบุคคลภายนอก ทางโรงเรียนไม่อนุญาตให้เข้ามาภายใน ทั้งยังถืออาวุธอันตรายเข้ามาด้วย จึงขอเชิญตัวให้ออกนอกบริเวณ และเจรจาย้ำว่าห้ามกลับเข้ามาที่โรงเรียนพร้อมอาวุธแบบนี้อีก ชายคนดังกล่าวไม่ตอบข้อซักถาม พร้อมกับเถียงว่ามีสิทธิ์อะไรพกปืนมาข่มขู่ตัวเอง ก่อนที่จะเดินออกไปจากสนามฟุตบอลไปขึ้นรถยนต์เก๋ง (ฮอนด้า ซิตี้ สีบรอนซ์ทอง) ที่จอดไว้หน้าอาคารเรียน ประมาณ 300 เมตร
นายสวย รูปสวย อายุ 61 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงเรียนฯ เล่าว่า ได้รับแจ้งจากครูผู้ชายท่านหนึ่งว่ามีชายต้องสงสัย สะพายคันธนูและลูกธนูเข้ามาเดินวนอยู่ในสนามฟุตบอลโรงเรียน เมื่อครูเดินเข้าใกล้เพื่อสอบถาม ชายคนนั้นได้ยกคันธนูขึ้นมาเล็งใส่ครู ครูจึงตกใจและรีบวิ่งมาบอก ตนจึงรีบโทรแจ้งตำรวจ และบอกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกคนหนึ่ง รีบเข้ามาที่สนามฟุตบอลเพื่อควบคุมสถานการณ์
“ตอนนั้นเด็กๆ ยังอยู่ในสนามพอสมควร ตนจึงรีบตะโกนบอกเด็กถอยห่างออกไป ชายคนนั้นเดินวนรอบสนามประมาณ 3 รอบ พอตำรวจมาถึงก็ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ตนไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อน จากท่าทางคิดว่าเขาคงสติไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ยังพูดสื่อสารได้ เบื้องต้นได้ถ่ายรูปชายคนนั้น และถ่ายรูปรถเก๋งเอาไว้ เพื่อคัดกรองไม่ให้กลับเข้ามาในโรงเรียนอีก เพราะว่ามีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นได้ในอนาคต”
นางอภิรดี พรหมแสงใส อายุ 49 ปี อาจารย์แนะแนว เล่าว่า ตนพักอยู่ที่บ้านพักครู เมื่อทราบข่าวตนตกใจมาก พอรู้ว่าควบคุมสถานการณ์ได้จึงรีบเดินออกมาดู ยังไม่ทราบว่าชายคนดังกล่าวเข้ามาด้วยจุดประสงค์ใด ชายคนดังกล่าวพวกตนไม่คุ้นหน้า แต่สิ่งที่พกพามาด้วยเป็นอันตรายต่อพื้นที่เรา ตำรวจก็ได้ผลักดันออกไป และย้ำว่าห้ามกลับเข้าอีก โชคดีที่ไม่เกิดความเสียหาย หรือไม่มีใครได้รับอันตราย หลังจากนี้จะได้แจ้งเรื่องต่อไปยังคณะผู้บริหาร เผื่อหาวิธีดูแลความปลอดภัยเด็กให้รัดกุมมากกว่าเดิม เนื่องจากกีฬาสียังมีกิจกรรมอีกหลายวัน ขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาดุแลได้ทันท่วงที
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่ชายคนดังกล่าวเดินมาถึงรถยนต์เก๋งของตัวเอง ได้ถอดชิ้นส่วนคันธนู และเก็บอุปกรณ์ใส่รถ เมื่อเก็บเรียบร้อย ได้เดินมายกมือไหวตำรวจทั้ง 2 นาย บอกเพียงว่าผมชื่อ “เวน” และขอโทษต่อสิ่งที่กระทำลงไป เมื่อตำรวจถามว่าเป็นศิษย์เก่าที่นี่หรือไม่ บัตรประชาชนหรือไม่ อายุเท่าไหร่ บ้านอยู่ที่ไหน ชายคนดังกล่าวบอกเพียงว่าผมขอเวลาแค่ 19.00 น. ขอให้หยุดคำถาม และชายคนนั้นก็ขึ้นรถเก๋งขับออกไป