3 แรงงานอุดรฯยังดวงแข็งแค่เจ็บ หลังจรวดถล่มฉนวนกาซา ทำแรงงานไทยตาย 2 เจ็บ 8 หน่วยงานที่รับผิดชอบเดินสายปลอบขวัญ 1 ในแม่แรงงานเจ็บ ห่วงเหตุรุนแรงไม่จบ อยากให้ลูกกลับบ้าน แต่ก็อยู่ที่ลูกตัดสินใจ
เวลา 10.30 น. วันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ว่าที่ รท.อนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางาน จ.อุดรธานี นายวิรัช ครางบุญเรือง ผช.จัดหางาน จ.อุดรธานี นายบรรจบ อุนารัตน์ ผช.แรงงาน จ.อุดรธานี นางนัทร์หทัย นิธิศคำพันธ์ ผช.สวัสดิการคุ้มครองแรงงาน จ.อุดรธานี พร้อมคณะมายังบ้านเลขที่ 11 บ.ดงเจริญ ม.7 ต.โคกสะอาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นบ้านของธนดล ขันธชัย อายุ 26 ปี แรงงานชาวอุดรธานี ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุโจมตี ด้วยจรวดของกลุ่มฮามัสที่โมชาฟ Ohad ในเมือง Eshkol ฉนวนกาซ่า เพื่อแจ้งข้อเท็จจริงและให้กำลังใจให้กับญาติ
พบกับนางถวิล หรืองอม ขันธชัย อายุ 51 ปี แม่ของนายธนดล หรือเบบี้ ขันธชัย พร้อมญาติ และเพื่อนบ้าน เดินทางมาให้กำลังใจ โดยใบหน้าของนางถวินฯ ยังมีความกังวนอยู่พอสมควร แม้ว่าจะได้คุยโทรศัพท์ และวีดีโอคอล กับลูกชาย เมื่อคนที่ผ่านมา และเริ่มมีเสียงหัวเราะเบาๆ เช่นเดียวกันกับเพื่อนบ้านที่มาคอบฟังข่าว ได้รับคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่ ลูกชายบาดเจ็บเล็กน้อย นอนรักษาตัวที่ รพ. ทางราชการเข้าไปดูแลแล้ว จากนั้นพยายามโทรหาลูกแต่ไม่รับสาย
นางถวิน หรืองอม ขันธชัย เปิดเผยว่า เป็นชาวบ้านธรรมดา มีอาชีพทำนาทำสวน และเป็นแม่ค้าขายพวงมาลัย ดอกไม้บูชาพระ และขันหมากเบ็ง (เครื่องไหว้บูชาอีสาน) อยู่ตลาดเทศบาล 1 ทน.อุดรธานี สามีเสียชีวิตเมื่อ 2 ปีก่อน นายธนดล หรือเบบี้ เป็นลูกชายคนเดียว เรียนจบ ปวช.ด้านช่างฯ ล่าสุดไปทำงานในโรงงานที่ จ.ระยอง ติดตั้ง “โซล่าเซลล์” เงินเดือน 20,000 บาทา ส่งมาให้แม่เดือนละ 5,000 บาท ยังโสดไม่ได้แต่งงาน ตอนไปสมัครไปทำงานอิสราเอล แม่ก็ไม่อยากให้ไปแต่ขัดลูกไม่ได้ โดยนำเงินเก็บและกู้เงิน ธกส.เพิ่มราว 100,000 บาท มาเป็นค่าใช้จ่าย
“ ลูกเดินทางไปอิสราเอลเมื่อ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา สัญญาจ้างเป็นงานสวนเกษตร 5 ปี 3 เดือน ไม่รู้ว่าได้เงินเดือนเท่าไหร่ ทุกวันจะคุยกับลูกทางวีดีโอคอล เล่าเรื่องไปกักตัวก่อน 14 วัน ป้องกันแพร่ระบาดโควิด-19 เข้าไปทำงานเพียงไม่กี่วัน เป็นฟาร์มปลูกมะเขือ และมะเขือยาว ตื่นตั้งแต่เช้ามืดออกไปทำงาน สามารถทำงานเกษตรได้ แม้ไม่เคยทำมาก่อน จนเมื่อคืนนี้ลูกโทรไปหาลูกพี่ลูกน้อง ว่าได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดจากจรวด ไม่ได้โทรมาบอกแม่โดยตรง เมื่อรู้ว่าจึงโทรกลับไปหาลูก ”
นางถวิน หรืองอม ขันธชัย กล่าวอีกว่า โทรคุยกับลูกเมื่อคืนตอน 3 ทุ่ม ลูกบอกและเอาภาพให้ดูด้วยว่า สะเก็ดระเบิดถูกที่แก้มขวา มันทะลุเข้าไปถูกฟันหักไป 1 ซี่ และมีอาการเจ็บที่ท้อง แต่ไม่รู้ว่าเจ็บจากอะไร แล้วลูกก็บอกว่าง่วงอยากนอน จึงไม่ได้สอบถามอาการเพิ่มเติม นอกจากนี้ลูกเล่าด้วยว่า ปกติเมื่อมียิงจรวดเข้ามา จะมีสัญญาเตือนให้หลบเข้าที่เตรียมไว้ แต่ครั้งนี้ไม่มีเสียงเตือนล่วงหน้า แต่ก็มองเห็นก็พยายามหลบแล้ว มีเพื่อนที่มาพร้อมกันเสียชีวิต ส่วนตัวอยากให้ลูกกลับบ้าน แต่ก็อยู่ที่ตัวเขาตัดสินใจ
นางบรร สิทธิเชียงพิณ อายุ 48 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า ลูกชาย (นายชนะชัย สิทธิเชียงพิณ) อายุ 28 ปี ก็ทำงานอยู่อิสราเอลมา 2 ปีเศษ อยู่ห่างจากจุดมีการต่อสู้ราว 100 กม. เมื่อคืนลูกก็โทรมาหา บอกข่าวเรื่อง “เบบี้” ก็บอกลูกไปว่าที่อุดรธานีรู้เรื่องแล้ว ฝากให้ดูแลน้องที่อิสราเอลด้วย เขาได้บอกแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง อยู่ห่างจากจุดที่เขาสู้กันมาก และหากมีลูกหลงยิงเข้ามา ก็จะมีอีกฝ่ายยิงสกัด ให้จรวดระเบิดกลางอากาศ แต่หัวอกความเป็นแม่ก็ห่วงเหมือนเดิม เมื่อคืนนี้ก็ร้องไห้ นอนไม่หลับทั้งคืน ถ้าอันตรายก็อยากให้ลูกกลับมา
ว่าที่ รท.อนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางาน จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า รับแจ้งว่าจากการต่อสู้กันในอิสราเอล มีแรงงานชาวไทยเสียชีวิต 2 ราย คือ นายวีระวัฒน์ การุณบริรักษ์ 44 ปี จ.เพชรบูรณ์ และนายสิขรินทร์ สง่ารัมย์ 24 ปี บุรีรัมย์ ไปพร้อมกับเบบี้ มีผู้บาดเจ็บ 8 ราย ทั้งหมดไปทำงานถูกกฎหมาย ในส่วน จ.อุดรธานี มี 3 ราย คือ นายณรงค์ศักดิ์ รอดชมภู อยู่เลขที่ 95 ม.3 ต.หินโงม อ.สร้างคอม อุดรธานี ไปทำงานเกษตร เมื่อ 20 พ.ย.62 บาดเจ็บเล็กน้อย ปล่อยตัวกลับที่พัก , นายเชษฐา ผลาพรม อยู่เลขที่ 63 ม.8 ต.นาสะอาด อ.สร้างคอม อุดรธานี ไปทำงานเกษตร เมื่อ 9 ธ.ค.63 อาการปลอดภัย ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาล และ 3 นายธนดลฯ
“ จะเดินทางไปพบกับญาติทั้ง 3 คน แจ้งข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเราได้รับรู้เรื่องทั้งหมด และได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปประสานงาน ในการดูแลอาการบาดเจ็บแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาในอิสราเอลมีสวัดิการ ดูแลแรงงานไทยดีมาตลอด เมื่อรักษาแล้วก็จะประเมิน สามารถทำงานต่อได้หรือไม่ แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่แรงงานแต่ละคน จะตัดสินใจทำงานต่อหรือไม่ ตลอดจนการแจ้งถึงสวัสดิการ พร้อมแจ้งให้ญาติของแรงงาน หากมีความคืบหน้า หรือปัญหาข้อสงสัย หรือต้องการความช่วยเหลือ ประสานกับทีมงานทางโทรศัพท์ ไม่ต้องเดินทางเข้าไปในสำนักงาน และทีมงานจะออกมาติดตามเป็นระยะด้วย ”
